23 สิงหาคม 2560

การไถ่บาป


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงเรื่อง #การไถ่บาป
ให้รู้ไว้โดยทั่วกันเพื่อเป็นข้อบัญญัติว่า
คำว่า "ไถ่บาป" นั้นมีนัยดังต่อไปนี้

1.ถ้ามีพี่ๆน้องๆของเราคนใดคนหนึ่ง
กระทำไม่ถูกต้องหรือผิดบาปต่อตัวเรา
จนทำให้เราเกิดการเสียสมดุลทางจิตใจ
ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหนก็ตาม

2.ไม่ว่าใครคนนั้นจะกระทำผิดบาปต่อเรา
ด้วยความประมาท ด้วยการขาดสติ 
หรือว่าจงใจกระทำทั้งต่อหน้าและลับหลัง

3.แต่เราก็จะไม่ถือโทษโกรธเคือง
หรือขุ่นแค้นอาฆาตมาดร้ายใดๆ
เพื่อหมายว่าจะตอบโต้ ต่อสู้ ต่อต้าน 
ในทุกๆแหล่งแห่งที่และทันทีที่เรามีโอกาส

แม้ว่าตัวเราจะอยู่ในฐานะของ #ผู้ถูกกระทำ
โดยเป็นผู้ที่ถูก "ก้าวล่วง" ก่อนก็ตาม

4.การที่เราเป็นฝ่ายถูกกระทำผิดบาป
เป็นผู้ที่ถูกผู้อื่นก้าวล่วง
แล้วเราไม่ถือโทษโกรธเคืองผู้กระทำนี้
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
สิ่งที่เราหยิบมาพิจารณามีแค่ 2 สิ่งเท่านั้น

สิ่งแรก คือ #ตัวตนผู้กระทำผิดบาป ต่อเรา
กับสิ่งที่สอง คือ #ความผิดบาป 
ที่ผู้นั้นกระทำต่อเรา

5.ทั้งสองสิ่งนี้มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
ที่มันจะเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณของเรา
ซึ่งถ้าเราเป็นมนุษย์แล้วไม่ฉลาดดำเนินชีวิต
เจ้าสิ่งนี้เองที่มันจะนำเราเข้าสู่กระบวนการ
ที่พวกท่านเรียกว่า "กฎแห่งกรรม" ทันที

ถูกต้องแล้วเรากำลังกล่าวถึงสิ่งที่สองอยู่
นั่นคือ "ความผิดบาป" ที่ผู้อื่นกระทำต่อเรา
โดยเราไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจอีกสิ่งหนึ่ง
นั่นคือ "ตัวผู้กระทำผิดบาป" ต่อเราเลย

6.เราหมายความว่า.....
แม้ใครจะกระทำผิดบาปต่อเราก็ตาม
เราก็จะรับเอาความผิดบาปนั้นไว้เสียเอง

ความผิดบาปนั้นก็คือสิ่งไม่ดีที่เขากระทำ
กับผลกรรมที่ไม่ดีที่ตัวเราต้องเผชิญ
อันเกิดจากการถูกกระทำนั่นแหละนะ

โดยที่เราจะไม่นำเอาความผิดบาปของใคร
มาเป็นเงื่อนไขที่จะทำไม่ดีตอบสนอง
อันเป็นการ #ยกโทษให้ ผู้ก้าวล่วงเรา
เสมือนเป็นการ #ไถ่บาป ให้เขานั่นเอง

ดังนั้น
คำว่า "ไถ่บาป" จึงหมายถึง
การยอมรับการกระทำที่ไม่ดีของคนอื่น
ที่ก้าวล่วงต่อเราโดยไม่เอาความ
หรือ "อโหสิกรรมให้" อย่างไม่มีเงื่อนไข

ซึ่งเป็นการตัดพันธะกรรมระหว่างกัน
เพื่อมิให้เกี่ยวกรรมกับผู้กระทำผิดบาปนั้น
จนต้องเกิดมีภพชาติใหม่กันต่อไปอีก
เพียงแค่เพราะผูกจิตเจ็บแค้นเท่านั้นเอง

7.พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย

การที่เราเว้นวางมิใส่ใจในอีกสิ่งหนึ่ง
คือ "ตัวตนคนที่กระทำผิดบาป" ต่อเรานั้น
เป็นเพราะเรารู้ว่าเขาจักต้องรับเอาผลกรรม
จากการกระทำผิดบาปของเขาเอง
ตามกฎแห่งกรรมกันอยู่แล้ว

เพราะกรรมดี กรรมชั่ว เป็นของตัวเอง
ใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้

เมื่อความจริงมันเป็นดั่งนี้แล้ว
เราจะเข้าไปเกี่ยวกรรมกับเขาทำไมกัน
เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเรา

8.หน้าที่เราคือต้องนำพาแก่นแท้
สู่การหลุดพ้นด้วยมรรคผลนิพพาน
จึงต้องตัดพันธะกรรมกับเขาเสียทันที
โดยยอมรับเอาความผิดบาปทั้งหลาย
ที่เขาหยิบยื่นมาให้นั้นไว้เสียเอง 
เช่น ความทุกข์กาย ทุกข์ใจ
ความเสื่อมโทรมเสียหาย
ในทุกรูปแบบ เป็นต้น

ซึ่งในมุมมองของตัวเราเองนั้น
การปฏิบัติตนเยี่ยงนี้จึงไม่ต่างไปจาก
ตัวเขาคนนั้นเสมือนมิได้ทำผิดบาปต่อเราเลย
ทั้งๆที่เราเป็นผู้ถูกกระทำจนเสียสมดุลก็ตาม

ด้วยเหตุนี้เอง
ในภพชาติอดีตเราจึงเรียกวิธีปฏิบัติเช่นนี้ว่า
#การไถ่บาป ไงล่ะท่านทั้งหลาย

9.พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ไม่ว่าท่านจะมองว่าตัวเราเป็นใคร
ไม่ว่าจะเป็นตัวเราในอดีตชาติ
หรือเป็นผู้ย้อนคืนกลับมาในภพปัจจุบัน
เราต่างก็มีพื้นฐานในการเป็นมนุษย์เช่นกัน

ดังนั้น
ปฏิบัติการ "ไถ่บาป" ของเรา
จึงเป็นการกระทำต่อตัวเราเอง
เพื่อยกโทษบาปให้แก่เฉพาะผู้กระทำต่อเรา
โดยเราไม่สามารถจะรับกรรมและผลกรรม
แทนพวกท่านทั้งหลายที่มิเคยเกี่ยวกรรม
กระทำผิดบาปต่อเราได้เลย

ท่านก่อกรรมทำบาปกับใคร
ท่านก็ต้องไปเกี่ยวกรรมกับผู้นั้น
ผลกรรมไม่ดีใดๆที่ท่านเป็นผู้ก่อขึ้นไว้
ท่านจักต้องรับผิดชอบมันเอง
จะให้เราหรือว่าใคร
มาไถ่บาปแทนพวกท่านทั้งโลกมิได้
แม้ว่าเราปรารถนาจะทำเช่นนั้นอยู่ก็ตาม

10.พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

การกลับมายังโลกเสรี
ในปลายยุคพลังงานเก่านี้
ภารกิจหนึ่งของเราก็คือ

การไถ่บาปให้ประดาผู้คนทั้งหลาย
ที่เคยกลุ้มรุมทำร้ายทำลายโอกาสเรา
ในการทำหน้าที่บุตรเอกแห่งพระบิดา
ในบทบาทของมนุษย์โลกเสรี
เพื่อกล่าวพระโอวาทแทนพระองค์
ต่อท่านทั้งหลายในภพชาติอดีตที่ผ่านมา

เพราะการที่เราจะตัดกรรมใดๆกับใครได้
จักต้องกระทำเมื่อตอนที่เป็นมนุษย์เท่านั้น
เพราะเรามีปณิธานแห่งนิพพานแท้จริง
การมีภพชาตินี้จึงเป็นโอกาสสำคัญ
ที่จะไถ่บาปใดๆที่ค้างคาอยู่กับใครๆนั่นเอง

ถ้าท่านทั้งหลายเป็นมนุษย์เช่นเรา
ปฏิบัติการไถ่บาปให้กับทุกคน
เพื่อการหลุดพ้นในภพชาตินี้
จึงเป็นหน้าที่ของท่านทั้งหลาย
จะแสร้งเป็นไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ทำ ไม่ได้แล้ว

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
23-08-2017