31 สิงหาคม 2560

ถอยสักก้าว คลื่นลมจะสงบ

#ตอบคำถาม: Cjw Surin
**************************
#Question:
ไม่ทราบว่าคำพูดเหล่านี้
ถูกต้องไหมครับ ท่านอาจารย์
******************************
"ถอยสักก้าว คลื่นลมจะสงบ"
******************************
ในชีวิตคนเรา
ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกัน
เพื่อให้เรื่องราวกระจ่างแจ้งชัดในทุกเรื่อง

เพราะน้ำที่ใสสะอาดเกินไปไร้ปลา
คนที่ใสสะอาดเกินไปไร้เพื่อน

ทะเลาะกับคนในครอบครัว
ต่อให้ชนะ ความผูกพันก็หมดไป

ทะเลาะกับคนรัก
ต่อให้ชนะ ความรักก็จืดจางไป

ทะเลาะกับเพื่อน
ต่อให้ชนะ มิตรภาพก็สูญหายไป

ทะเลาะกันเพราะเหตุผล
ที่เสียหายคือความสัมพันธ์
ที่เจ็บปวดคือตนเอง

สีดำก็คือสีดำ สีขาวก็คือสีขาว
ให้โลกเป็นผู้พิสูจน์เถอะ

วางอคติและความยึดติดของตนลงเสีย
คุณก็จะกลายเป็นคนใจกว้างขึ้นมาในทันที

#Answer:
เรามิบังอาจก้าวล่วงครูอาจารย์ของท่าน
ผู้กล่าวสอนท่านไว้ด้วยถ้อยความทั้งหมดนั้น
ว่าไหนถูกไหนผิด

ดังนั้น
ไหนๆเมื่อท่านถามเรามาแล้ว
จึงกราบขออนุญาตครูอาจารย์ของท่าน
ตอบคำถามท่านผู้ถามในเชิงว่า
เรา "เห็นด้วย" หรือ "ไม่เห็นด้วย"
กับคำกล่าวนี้อย่างไรน่าจะเหมาะกว่า

#เพราะมันคือความคิดเห็นมิใช่การพิพากษา

ท่านที่รักทั้งหลาย
ความเห็นของเราในประเด็นที่ไม่เห็นด้วย
ลำดับความได้ดังนี้

1.ประโยคที่กล่าวว่า
********************
"ในชีวิตคนเรา
ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกัน
เพื่อให้เรื่องราวกระจ่างแจ้งชัดในทุกเรื่อง"

#เราไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้
เพราะคำกล่าวนี้ตีความได้ว่า
ท่านแนะนำมิให้ทะเลาะกัน
เพื่อให้เรื่องราวกระจ่างแจ้งชัด #ในทุกเรื่อง

แสดงว่า #บางเรื่อง
ท่านก็ยังจะสามารถทะเลาะกันกับใครก็ได้ล่ะสิ

#นี่ไง...ที่เราไม่เห็นด้วยเพราะเหตุว่า

<3 ท่านไม่ควรจะทะเลาะเบาะแว้งกันเด็ดขาด
เพราะการทะเลาะกันคือการทำลาย
ความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ซึ่งผิดบาปต่อพันธะสัญญา 6

<3 การที่ท่านไม่เข้าใจกันในเรื่องใดก็ตาม
แล้วไม่พยายามทำความเข้าใจกันให้กระจ่าง
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
มันจะทำให้การดำเนินชีวิตร่วมกันไม่ราบรื่น

เพราะความไม่เข้าใจกัน
ความไม่ไว้วางใจในกันและกัน
ความไม่เชื่อมั่นในกันและกัน
ล้วนแล้วแต่จะเป็นตัวการบ่อนทำลาย
มิตรภาพความสัมพันธ์ให้ตกต่ำลง
จนเชื่อมโยงร้อยสัมพันธ์กันด้วยความรักมิได้

<3 เราเห็นว่าถ้าท่านจะทำความไม่เข้าใจกัน
ให้มันกระจ่างอย่างจริงใจแล้ว
มันยังมีวิธีการอีกตั้งมากมายที่จะนำมาใช้
โดยหลีกเลี่ยงมิให้ "ทะเลาะ" กันก็ได้

2.ประโยคที่กล่าวว่า
********************
"เพราะน้ำที่ใสสะอาดเกินไป ไร้ปลา
คนที่ใสสะอาดเกินไป ไร้เพื่อน"

#เราไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่านี้
เพราะคำกล่าวนี้เสมือนจะสอนให้เข้าใจว่า
เกิดมาเป็นคนมันก็ต้องมีสิ่งไม่ดีปนอยู่บ้าง
ถ้าเป็นคนดีเกินไปเพื่อนก็จะไม่คบหา
เหมือนน้ำที่ใสสะอาดเกินไปปลาอยู่ไม่ได้

ที่เราไม่เห็นด้วยเพราะเหตุว่า

1.คำกล่าวนี้ใช้การเปรียบเปรย
ที่ไม่สอดคล้องต้องกันกับหลักสัจธรรม

เพราะความอุปมาว่า
"น้ำที่ใสสะอาดเกินไป"
จนปลามีชีวิตอยู่ไม่ได้นั้น

แหล่งน้ำในธรรมชาติที่ใสสะอาดเกินไป
มันไม่มีอยู่จริงหรอกท่าน
เมื่อเป็นสิ่งไม่มีอยู่จริงในธรรมชาติ
ท่านจึงมิอาจนำมากล่าวเป็นอุปมาได้

#นี่ไง...เหตุผลแรกที่เราไม่เห็นด้วย!

2.เราไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิงที่ว่า
"คนที่ใสสะอาดเกินไปไร้เพื่อน"

ถ้าท่านนิยามคำว่า #ใสสะอาด คือ ดีงาม
ประโยคนี้ท่านย่อมหมายความว่า
คนที่ดีจนเกินไปจะไร้เพื่อน
ซึ่งเป็นคำสอนที่เรายิ่งไม่เห็นด้วยเลย

เพราะพระศาสดาทุกๆพระองค์
ทรงสอนคนทุกคนให้เป็นคนดี
พระบิดาสอนให้คนทุกคนมีจิตใสใจสวย

ยิ่งชำระจิตให้ใสสะอาดมากก็ยิ่งฉลาดมาก
เมื่อจิตใสมากฉลาดมากก็ยิ่งเป็นคนดีมาก
แล้วมีหรือที่คนดีๆจะไม่มีใครคบหาเป็นมิตร
ขนาดคนชั่วยังต้องการคบคนดีไว้เป็นมิตรเลย

ดังนั้น
เราจึงมองเห็นว่าคำกล่าวของท่าน
ผิดหลักสัจธรรมตามแนวพระศาสดา
ผิดไปจากพระโอวาทพระบิดาอย่างสิ้นเชิง

#นี่ไง...อีกเหตุผลหนึ่งที่เราไม่เห็นด้วย!

3.ประโยคที่กล่าวว่า
*********************
"สีดำก็คือสีดำ สีขาวก็คือสีขาว
ให้โลกเป็นผู้พิสูจน์เถอะ"

ท่านหมายความว่า "สัจธรรม" แห่งสีนี้
มนุษย์ไม่ต้องไปเสียเวลาพิสูจน์ความจริง
จนต้องทะเลาะเบาะแว้งกันเลย
สีดำคือสีดำ สีขาวคือสีขาวอยู่แล้ว
เช่นนั้นหรือ

เราใคร่ถามท่านผู้กล่าวประโยคนี้ว่า
คำว่า #ให้โลกเป็นผู้พิสูจน์เถอะ" น่ะ
มันหมายถึง "ใคร" ล่ะ

เราเห็นว่ามันเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน
ที่จะต้อง "เรียนรู้" ร่วมกันว่า
ไหนดีไหนชั่ว ไหนจริงไม่จริง
ไหนควรไม่ควร ไหนบุญไหนบาป
ไหนคุณไหนโทษ ไหนถูกไหนผิด

เรียนรู้เพื่อพิสูจน์ให้ชัดเจนว่า
ความถูกต้องเหมาะสมดีงามนั้นเป็นเช่นไร
ใครเป็นฝ่ายประพฤติดีไม่ดีนั้นเป็นเรื่องรอง

ดังนั้น
เมื่อมนุษย์มีปัญหาในการดำเนินชีวิตกัน
ก็ควรหันหน้ามาเรียนรู้ร่วมกันให้ได้ความรู้
#โดยหาเรื่องมาคุยกันมิใช่คุยหาเรื่อง

ถ้าเกิดปัญหาข้อขัดข้องขึ้นมา
แล้วสอนให้แต่ละคนหุบปาก
โดยไม่ยอมเรียนรู้อะไรๆเลยนั้น
มันจะช่วยให้

แต่ละคนจะโง่น้อยลงได้อย่างไร
แต่ละคนจะรู้มากขึ้นได้อย่างไร
จะก้าวผ่านข้อขัดแย้งกันในวันหน้าได้อย่างไร

ที่สำคัญคือ "สัจธรรม" ล้วนเป็นจริงแท้แน่นอน
คือ ดำเป็นดำ ขาวเป็นขาว กันอยู่แล้ว
แต่ท่านจะกล่าวสอนมนุษย์ให้หยุดการเรียนรู้
เพราะกลัวการทะเลาะกันจนไม่คิดต่อว่า
จะคุยกันอย่างไรจึงไม่ทะเลาะกัน
มันจะทำให้มนุษย์มืดบอดทางปัญญา
เพราะไม่รู้ว่า "อะไร" เป็นสัจธรรมเสียมากกว่า

#นี่ไง...อีกเหตุผลหนึ่งที่เราไม่เห็นด้วย!

อันองค์ธรรมแห่งพระบิดานั้น
เพราะภูมิปัญญากับความสามารถของผู้รู้
ผู้สอน และผู้สื่อถ่ายทอดต่างระดับกัน
คำกล่าวสอนของแต่ละรูปธรรม
ในเรื่องเดียวกันจึงมีความแตกต่างกันชัดเจน

ผู้สมดุลทางจิตวิญญาณแล้วเท่านั้น
ที่จะสามารถบ่งชี้ได้ทันทีที่รับรู้รับฟังว่า
ธรรมะนั้นๆผู้สูงส่งระดับใดใครเป็นผู้กล่าว
แต่ท่านทั้งหลายต้องรู้ความจริงด้วยว่า
ใครสอนธรรมะผิดจะมีความผิดบาปมาก
ต้องหลุดลงไปชำระความใน "ขุมที่ 13"
นี่คือความจริงที่จริงแท้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
31-08-2017