เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
องค์จิตจักรวาลพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ของเราและของพวกท่านทั้งหลาย
ทรงใช้ให้เรามาทำหน้าที่ปิดยุคพลังงานเก่า
ด้วยการกล่าวพระโอวาทในพระนามแห่งพระองค์
ในระบบจิตสู่จิต ต่อท่านทั้งหลาย
พร้อมแจ้งข่าวสารการชำระโลกและความรู้ใหม่ๆ
เพื่อให้ท่านได้เตรียมตนเองและจิตวิญญาณ
เพื่อการผจญภัยที่ท่านจะไม่เคยพบเจอมาก่อน
อย่างมีกฤตสติ
กับชี้ทางหลุดพ้นบนมรรควิถีจิตจักรวาล
เพื่อนำพาแก่นแท้ของพวกท่านกลับบ้าน
ยังแดนสุญญตา
ซึ่งพระองค์ทรงเฝ้ารอคอยพวกท่าน
รักษาคำมั่นในพันธะสัญญา 6
มานานนับหลายหมื่นปีแล้ว
ความจริงอีกสิ่งหนึ่งซึ่งเราขอกล่าวต่อท่าน
นั่นคือ ในการเป็นคนสองมิติ
ที่ท่านเรียกตนเองกันว่า "มนุษย์" นั้น
หากท่านปรารถนาจะนิพพานแท้จริง
ท่านจะต้องยอมรับให้ได้ว่า
ตัวท่านนั้นยังมีจิตวิญญาณแก่นแท้อยู่ข้างใน
ท่านจะไปไหนมาไหน
ท่านจะทำอะไรกับใคร
ท่านจะทำอย่างไร
ตัวตนแก่นแท้ของท่านที่อยู่ข้างใน
ล้วนรับรู้และรับผิดชอบการกระทำนั้นๆทั้งหมด
เสมือนหนึ่งกระทำด้วยตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นการกระทำดีหรือชั่ว
ด้วยกายกรรม วจีกรรม หรือมโนกรรมก็ตาม
เพราะจิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของท่าน
เป็นตัวแทนได้รับมอบอำนาจจากจิตวิญญาณ
ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่าน
ให้มีหน้าที่สั่นสะเทือนเครื่องยนต์แห่งกรรม
เพื่อแสดงบทบาทการเป็นคนสองมิติแทนตนเอง
โดยมีเงื่อนไขว่า
ตั้งแต่ท่านมีอายุขัยครบสามขวบปีบริบูรณ์เป็นต้นมา
ท่านจักต้องเรียนรู้ที่จะ
ยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
ให้สูงขึ้นทางด้านบวก
จนสั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกันกับแก่นแท้
คือจิตวิญญาณของตนเองให้จงได้
วิธีที่จะยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบได้
ก็ด้วยการสอบให้ผ่านบททดสอบจิตสำนึก
ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ได้วางแผนขีดเขียนบทละครนั้นๆเอาไว้ให้ท่านเล่น
โดยประชุมวางแผนกันกับเพื่อนร่วมบททดสอบ
ณ วิหารสีขาวตรงด่านนภาลัย
ตั้งแต่ภพชาติแรกที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วล่ะ
ซึ่งหนึ่งในเพื่อนร่วมบททดสอบร่วมวางแผนกันมา
ก็มีจิตวิญญาณของท่านนี่แหละเป็นหนึ่งในนั้น
ดังนั้น
หน้าที่ของท่านก็คือ
รับผิดชอบต่อการสั่นสะเทือนตนเอง
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับแก่นแท้ของท่านให้ได้
ด้วยการรักคนที่ไม่น่ารักให้ได้
ให้อภัยแก่คนที่ไม่น่าให้อภัยให้เป็น
ในทุกบททดสอบที่คนรอบข้างหยิบยื่นมาให้
แล้วท่านก็จะเป็นมนุษย์ที่สมดุล
ที่มีสิทธิ์ใช้นามเรียกขานจิตตนเองว่า"จิตใจ"
ซึ่งคำว่า "ใจ" ก็คือ แก่นหรือแกนกลาง
อันหมายถึงจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านนั่นเอง
ในชีวิตประจำวัน
ท่านทั้งหลายจึงต้องเรียนรู้ให้ได้ว่า
ท่านจะระวังรักษา "จิตใจ" ของท่าน
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันไว้ได้อย่างไร
คำตอบคือ "อย่าทำจิตตก ใจแตก"
ใช่หรือไม่ล่ะ?
จิตกับใจจะแตกแยกออกจากกันก็ต่อเมื่อ
จิตสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ต่ำๆ
ในย่านของโลภะ โทสะ โมหะ
กับอารมณ์หยาบๆรายวันทั้งหลายนี่แหละนะ
เหตุเพราะจิตสั่นสะเทือนในย่านความถี่ต่ำนี่เอง
จึงขาดจากการเป็นหนึ่งเดียวกันกับ "ใจ"
เพราะค่าความถี่ไม่เสมอภาคกัน ไม่เท่ากัน
ท่านจึงต้องระวังจิตดูแลใจให้จริงจัง
อย่ายอมใหจิตตกใจแตกง่ายนัก
วิธีที่เหมาะสมที่สุดก็คือ
การสร้างเครื่องมือค้ำจุนจิตของท่านไว้
เราเรียกเครื่องมือสำคัญชิ้นนี้ว่า "มหาสติ"
ซึ่งเป็นคำสั้นๆไม่มีอะไรต่อท้ายอีก
มหาสติจะช่วยให้จิตของท่าน
ไม่เกิดอาการเสียสมดุลไป
ในทุกครั้งคราที่อายตนะภายนอกทั้งห้า
สัมผัสรู้ดูเห็นสรรพสิ่งใดๆในทุกขณะจิต
มหาสติของพระบิดา
ที่ทรงเมตตาประทานมาให้ท่านทั้งหลายนี้
มิได้มีมาตั้งแต่เกิด
มิได้เป็นกลไกอัตโนมัติ
แต่เป็นกลไกที่ท่านจักต้องสร้างมันขึ้นมาเอง
โดยต้องรู้ว่า
"มหาสติ คืออะไร"
"มหาสติ" คืออย่างไร
"มหาสติ" มีประโยชน์ต่อการค้ำจุนจิตใจอย่างไร
ฯลฯ
ท่านจะต้องสำรวมจิตเอาไว้เสมอ
และท่านก็จักต้องรู้เอาไว้ด้วยว่า
จงอย่าทำจิตตกเดี๋ยวใจจะแตก
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21-12-2015