24 มกราคม 2556

ข่าวด่วนชวนระทึก


ข่าวด่วนชวนระทึก:
เชิญอ่านกันเอาเอง ไม่ต้องอธิบาย
----------------------------------------

เอาชนะความโกรธด้วยการไม่โกรธ

เอาชนะความทุกข์ด้วยการไม่ทุกข์
เอาชนะความกลัวด้วยการไม่กลัว
เอาชนะความเก็บกดทางอารมณ์ด้วยการเลิกเก็บกด
เอาชนะความวิตกกังวลด้วยการเลิกวิตกกังวล
------------------------------------------

ความไม่โกรธ

ความไม่ทุกข์
ความไม่กลัว
ความไม่เก็บกด
ความไม่วิตกกังวล....
ทั้งหลายเหล่านี้.....สามารถเกิดขึ้นได้ในจิตใจเธอด้วยพลังอำนาจของสิ่งเหล่านี้ คือ
1.ด้วยสติปัญญาและปัญญาญาณในตนเอง
2.ด้วยองค์ความรู้ของพระบิดาที่ทรงเมตตาสื่อสอนไว้ทั้งหมดดังแจ้งกันแล้วนั้น
3.ด้วยความรักจากแก่นแท้ ที่เป็นรักเพื่อให้ที่แท้จริง
4.ด้วยความมีสติทางวิญญาณที่รู้ว่าตนเองเป็นใคร มาจากไหน มาเกิดเป็นมนุษย์กันทำไม และมีหน้าที่ต้องทำสิ่งใดบ้าง โดยต้องระลึกไว้เสมอ
5.ข้ามพ้นการหลงในมิติแห่งมายา เลิกยึดติดตัวกูตัวมึง ของกูของมึง
6.มีองค์จิตจักรวาลพระบิดาแห่งจิตวิญญาณเป็นสรณะที่ตนจักต้องยำเกรง เหมือนลูกเกรงใจพ่อแม่ไม่กล้าทำผิดปานนั้น...


ป.วิสุทธิปัญญา
------------------------------------------

ANSWR:Karuna Karuna Nonthawong

อารมณ์ด้านลบทั้ง 5 อาการนั้น มีความถี่ของการสั่นสะเทือนแตกต่างกัน แต่ละย่านความถี่มีผลกระทบต่อการสั่นสะเทือนทางพลังงานของอวัยวะภายในแต่ละชื้นที่เป็นระบบอัตโนมัติต่างกัน กล่าวคือ ความโกรธเป็นอาการทางจิตที่ผลิตสร้างคลื่นพลังงานด้านลบที่จะไปหักล้างลดทอนการสั่นสะเทือนทางพลังงานด้านบวกเพื่อการทำหน้าที่อัตโนมัติของตับ เพราะอยู่ในย่านความถี่ตรงกันข้าม
------------------------------------------

ANSWR:Toffie Tiffie


เรากล่าวไว้นานแล้วว่า ถ้าถึงวันชำระโลกคาบสุดท้าย ใครมีผลกรรมเกิน 30% จะต้องถูกชำระไม่มีละเว้นและนิพพานไม่ได้ ถ้าวันๆเธอมัวแต่ถามว่าขาดสติชั่วคราวอยู่เรื่อย แล้วจะรีบดับด้วยการสำนึกผิด ถ้าภายในสองปีนี้สามารถแก้ไขได้....ยังมีโอกาสถูกเลือกมั้ย? คำตอบคือ โอกาสยังมี...แต่แน่ใจหรือว่าถ้ายังสอบตกอยู่เยี่ยงนี้ภายในสองปีจะสำเร็จได้จริงๆ และแน่นอนว่าพอถึงวันนั้น ผลกรรมจะเหลือไม่เกิน 30% ได้จริงรึเปล่า? ถ้าปัจจุบันขาดสติอยู่เป็นประจำทำให้เกิดผลกรรมด้านลบสั่งสมอยู่มิเว้นวาง ว่ามั้ย?
------------------------------------------

คุณ Toffie Tiffie วิธีแก้ปัญหาโรคขี้น้อยใจ-ขี้ใจน้อยจนเป็นที่มาของ "ดั้งสลาย" นั้นอาจทำได้ดังนี้


คือ จงอย่ายึดติดตนเองเป็นหลัก แต่ให้ยึดคนอื่นโดยเฉพาะคนที่เธอชอบน้อยอกน้อยใจเขานั่นแหละเป็นหลักแทน เช่น ไม่คาดหวังว่าเขาจะต้องยังงั้นยังงี้ต่อตัวเธอ แต่ให้เธอมองหาความต้องการของเขาเพื่อตอบสนองแทน เป็นต้น อาการน้อยใจมันมาจากความคาดหวัง เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองให้ตรงใจ คนๆนั้นก็จะมีปัญหาเสมอ คือ ขุ่นมัว ไม่พึงพอใจ ไม่สบอารมณ์ เพราะรู้สึกว่าตนไม่มีความสำคัญ ไม่มีค่าสำหรับคนๆนั้นที่เธอคาดหวังบางอย่างจากตัวเขานั่นแหละ...เช่นหวังว่าเขาคงจะแสดงความห่วงใยต่อตัวเราแต่เขากลับไม่ใส่ใจ...หรือหวังว่าเขาจะต้องถามความรู้สึกนึกคิดของเราบ้าง แต่เขากลับไม่แคร์เรา เป็นต้น....ความคาดหวัง กับการยึดติดตนเองเป็นหลัก คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเธอกลายเป็นคนป่วยทางจิตด้วยโรค "ขี้ใจน้อย" นี่แหละนะ
------------------------------------------

ความจริงแล้วองค์ความรู้ขององค์จิตจักรวาล พระบิดาแห่งจิตวิญญาณทั้งปวงนั้นมิได้สงวนลิขสิทธิ์หรือที่เธอใช้คำว่า "ผูกขาด" ดอกนะ...ถ้าฉบับใดที่พระองค์ทรงเมตตากล่าวถึงเรื่องที่เราพิจารณาแล้วเห็นว่า คนทั่วไปเมื่อรับรู้รับทราบแล้วจะไม่มีผู้ใดก้าวล่วงพระองค์จนยังผลให้ผู้นั้น ต้องประสบกับอนันตริยะกรรมด้วยความไม่รู้สติแล้ว เราจะโพสท์ไว้ให้เฉพาะกลุ่มนักเรียน ในห้องเรียน ป.วิสุทธิปัญญา เท่านั้น เนื่องจากนักเรียนในห้องเรียนนี้ได้ถูกคัดกรองเคี่ยวกรำมาแล้วว่า รู้จักองค์จิตจักรวาลพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของตนเป็นอย่างดี ทุกคนมอบความศรัทธาด้วยปัญญาให้แก่พระองค์จนหมดสิ้นโดยมิลังเลสงสัยใดๆแล้ว...พวกเขาจะเปิดกว้างเพื่อการเรียนรู้ด้วยการคิดตาม...พิจารณาตาม...ในทุกเรื่องที่สอนด้วยมหาสติอย่างแท้จริง


แต่ถ้าจดหมายฉบับใดที่พระองค์ทรงกล่าวไว้แล้วนั้น หากเราพิจารณาแล้วเห็นว่า ความตอนใดตอนหนึ่งจะไม่มีผู้ใดสามารถนำไปเป็นเงื่อนไขเพื่อการก้าวล่วงพระองค์ได้ เราก็จะนำมาโพสท์ไว้ในหน้านี้ให้ได้รู้โดยทั่วกันเสมอ อย่างเช่นจดหมาย ฉบับที่ 9 เป็นต้น...หวังว่าคงเข้าใจวัตถุประสงค์ของเรานะ
------------------------------------------