พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้พวกคุณรู้ว่า
จิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ของทุกคน
เดินทางเข้ามาจุติเป็นมนุษย์กันได้อย่างไร
ทั้งนี้ไม่ว่าปัจจุบันคุณจะเป็นใคร
กำลังใช้ชีวิตอยู่ตรงส่วนไหนบนโลกนี้
จะมีเชื้อชาติและนับถือศาสนาอะไรอยู่ก็ตาม
แม้มนุษย์ทั้งโลกจะเลือกรับพระศาสดาต่างกัน
ต่างกันตามความเชื่อความชอบและความเคยชิน
แต่พวกคุณทั้งโลกก็มีพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
หรือพระผู้เป็นเจ้าหรือพระผู้สร้างพระองค์เดียวกัน
ในยุคนี้เราน้อมถวายพระนามว่า #องค์จิตจักรวาล
อดีตนั้นพวกคุณรู้จักพระองค์ผ่านพระบุตรเอกว่า
องค์เยโฮวากับองค์อัลเลาะฮ์ซึ่งเป็นองค์เดียวกัน
แต่นามต่างกันตามยุคตามภาษาเกิดของศาสดา
จงอย่าทำสับสนหรือเอาความต่างยุคมาแบ่งแยก
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณว่าเป็นพระเจ้าของมึงของกู
เพราะจิตวิญญาณของพวกคุณทุกๆคนบนโลกนี้
มีพระองค์เป็นพระบิดาผู้ให้กำเนิดมาด้วยกัน
อีกทั้งทรงเป็นผู้อนุญาตให้พวกคุณมาเกิดกันทั้งนั้น
พวกคุณจักต้องรู้ว่า
#องค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ เป็นพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
ทรงเป็นจุดศูนย์กลางของสนามพลังงานขนาดใหญ่
ที่มีพระองค์เป็น "นิวเคลียส" หรือจุดศูนย์กลางนั้น
โดยทรงเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองและสั่นสะเทือนตนเอง
ด้วยอัตราเร็วของการเหวี่ยงหมุนรอบจุดศูนย์กลาง
กับค่าความถี่ของการสั่นสะเทือนคงที่และต่อเนื่องด้วย
เนื่องจากพระองค์ทรงเป็น #มหาสุญตา
คำว่า "มหาสุญตา" หมายถึงทรงมีคุณสมบัติเป็น
สรรพสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ของ #ความว่าง
หรือทรงเป็นแก่นแท้ของสิ่งที่ยังไม่มียังไม่ปรากฏ
หมายถึง #ตัวตนแก่นแท้ของอนุภาคของความว่าง
แปลว่า #ความว่างนั้นก็มีอนุภาค เช่นกัน
แต่มันยังไม่ทันปรากฏเกิดขึ้นเป็น "ตัวตนความว่าง"
ซึ่งความว่างจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการสั่นสะเทือนแล้ว
พวกคุณจงตั้งใจอ่านทบทวนซ้ำหลายเที่ยว
อ่านแล้วจงคิดตามให้เป็นภาพอย่าอ่านแบบลวกๆ
เพื่อให้เกิดความเข้าใจด้วย "จินตมยปัญญา"
ปัญญาใครปัญญามันอ่านไม่เป็นก็จะไม่เข้าใจ
เรียนรู้ไม่เป็นก็จะเข้าถึงความจริงเหล่านี้ไม่ได้
ต่อให้คุณมิได้จบฟิสิกส์มิได้จบวิทยาศาสตร์บัณฑิต
ไม่มีดอกนำหน้าชื่อนามของคุณไว้ก็เข้าใจไม่ยาก
ถ้าคุณมี "ศิลปะ" ด้านการเรียนรู้ด้วยวิธีคิดตามเรา
เพราะคำกล่าวเราในยุคปลายนี้ไม่มีสำนวนโวหาร
ไม่มีอุปมาอุปไมยไม่มีเวลาให้ใครใช้ฝึกคิดอีกแล้ว
หลังจากที่พระบิดาหรือองค์จิตจักรวาล
ทรงอุบัติเกิดขึ้นด้วยพระองค์เอง
เป็นสนามพลังงานขนาดใหญ่มหีมา
มีความกว้างใหญ่ไพศาลเสมือนหนึ่งไร้ขอบเขต
ดุจดั่งใบไม้หรือใบบัวที่มีขนาดใหญ่เอามากๆ
ใหญ่จนไม่อาจมองเห็นขอบใบของใบไม้ใบนั้นได้
ทั้งๆที่ขอบใบของใบไม้นั้นมันยังมีของมันอยู่จริง
การที่คุณไม่อาจมองเห็นสิ่งใดเช่นว่านี้แล้ว
จะสรุปเอาง่ายๆดื้อๆว่าสิ่งนั้นมันไม่มีอยู่จริง
มันเป็นการใช้ตรรกะของสมองซีกซ้ายที่โง่มาก
เพราะเรียนรู้ความจริงระดับ #โลกิยธรรม ที่ตื้นๆ
แต่การจะเข้าถึงความจริงเกี่ยวกับพระเจ้านี้
คุณต้องใช้สมองอีกข้างหนึ่งคือ "สมองซีกขวา"
โดยใช้ศิลปะของการคิดด้วย #วิธีคิดให้เป็นภาพ
ซึ่งพวกคุณต้อง "กดปุ่ม" ใช้มันให้เป็นเท่านั้น
เท็คนิกการกดปุ่มก็คือ "คิดตาม" คำกล่าวของเรา
อย่าคิดต้านหรือคิดแย้งเพราะคุณอวดรู้ว่ากูรู้อยู่
ด้วยการทำตัวเป็นดั่งแก้วที่มีน้ำเน่าอยู่เต็มล้น
ยังทำตัวเป็นคน "หลงตัวเอง" จนเข้าถึงอำนาจในตน
จาก "จิตตปัญญา" ที่พระบิดาประทานไว้ให้ไม่ได้
หลังจากที่ทรงอุบัติขึ้นมาด้วยพระองค์เองแล้ว
พระองค์ก็ทรงสร้าง "เงา" ของพระองค์ขึ้นมาได้
ด้วยสิ่งที่ภาษามนุษย์โลกจะเรียกกันว่า #บังเอิญ
ทั้งๆที่จริงๆแล้วมิได้บังเอิญแต่เป็นความเหมาะสม
ที่เงาของพระองค์จะเกิดขึ้นมาได้จากการกำหนดนึก
ด้วยพลังแห่งมหาสุญตาหรือแก่นแท้ของความว่าง
อันเป็นพระอำนาจของพระผู้สร้างที่ทรงมีอยู่ในตน
โดยมิได้ทรงรู้ล่วงหน้ามาก่อนเลย
จากนั้นพระองค์ก็ทรงค้นพบ "เสียงก้องกังวาล"
จากการเปล่งพระสุรเสียงของพระองค์ออกมาดังๆ
เพื่อปรารถนาจะสนทนากับรูปธรรมอื่นๆถ้ามีอยู่จริง
แต่พระองค์มิได้รับคำตอบคงได้สดับแต่เสียงก้อง
จากสุรเสียงที่ทรงเปล่งออกมาเองให้ได้ยินเท่านั้น
นี่ก็เป็นการค้นพบพลังอำนาจที่มีอยู่ในตน
อีกอย่างหนึ่งด้วยประสบการณ์จริงของพระองค์เอง
หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงค้นพบว่า
ทรงสามารถกำหนดสร้างหรือ "ให้กำเนิด"
#จิตจักรวาลดวงเล็ก ขึ้นมาอีกมากมายนับไม่ถ้วน
ซึ่งเราจะขอเรียกจิตจักรวาลดวงเล็กว่า "พระบุตร"
โดยการให้กำเนิดของพระองค์ครั้งนี้
ก็เป็นการค้นพบพลังอำนาจในตนเองแบบบังเอิญ
ซึ่งมิได้วางแผนล่วงหน้าและขาดวินัยในการเรียนรู้
ที่สำคัญคือพระองค์มิอาจควบคุมการเรียนรู้นั้นได้
ถ้าจะเป็นการเรียนรู้อย่างมีแบบแผนและควบคุมได้
พระองค์ต้องสร้าง #ห้องทดลอง เพื่อการเรียนรู้ก่อน
พระบิดาจึงทรงกำหนดสร้าง
สนามพลังงานใหม่ขึ้นมาอีกสนามพลังงานหนึ่ง
ซ้อนทับอยู่บนสนามพลังงานเดิมของพระองค์
โดยเราจะขอเรียกสนามพลังงานใหม่
ที่ทรงสร้างขึ้นนี้ว่า #เอกภพ หรือ "อนันตจักรวาล"
ส่วนสนามพลังงานเดิมขององค์จิตจักรวาลเองนั้น
เราจะขอเรียกว่า #พระนิเวศน์ของพระผู้เป็นเจ้า
ซึ่งสนามพลังงานใหม่ที่มีขนาดเล็กกว่าที่ว่านี้
เป็น #ห้องทดลอง เพื่อการเรียนรู้ว่า
จะสามารถกระทำสิ่งใดได้อีกบ้างนอกจากที่ได้รู้แล้ว
กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ปัญญา วิสุทธิ์
9/11/2565