พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้พวกคุณรู้ว่า
การทดลองของพระเจ้าที่ประสบผลสำเร็จยิ่งใหญ่
คือทรงคิดสร้างกลไกชิ้นสำคัญที่จะทำให้โลก
เหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง
โดยมิทรงต้องกำหนดสั่งให้โลกหมุนด้วยพระจิต
เหมือนสั่งให้น้ำเปลี่ยนสถานะได้เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยน
นั่นคือทรงปลูกต้นไม้ใหญ่ที่มีชีวิตจำนวนมากมาย
ให้ทำหน้าที่เป็น #เพื่อนร่วมงาน กับดาวโลก
ต้นไม้ใหญ่มากมายที่ทรงปลูกสร้างไว้บนโลกนั้น
จะใช้รากแก้วที่หยั่งลึกลงไปในดินช่วยค้ำจุนลำต้น
ใช้รากแขนงกับรากฝอยคอยช่วยค้ำจุนแผ่นดินโลก
ปลายรากของต้นไม้ใหญ่ก็จะเป็นเส้นทางเดินไฟฟ้า
ที่ต้นไม้ต้นนั้นใช้ปลดปล่อยพลังงานความรักออกมา
เพื่อมอบให้แก่แกนโลกที่ทรงติดตั้งบางสิ่งไว้ภายใน
ต้นไม้บนโลกเป็นกลไกผลิตไฟฟ้าที่โลกต้องการ
ต้นไม้น้อยใหญ่ทั้งหลายจึงเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก
โดยทรงออกแบบสร้างขึ้นให้ทำงานร่วมกันกับโลก
ให้ทำงานร่วมกันและทำสัมพันธ์กันอย่างอิสระเสรีได้
มิใช่ต่างคนต่างทำแบบมึงทำกูทำหรือมึงไม่ทำกูทำ
หรือแบบมึงทำกูไม่ทำหรือทั้งมึงทั้งกูไม่มีใครทำ
เพราะพระองค์ทรงกำหนด "หน้าที่" เอาไว้ให้ทำแล้ว
ต้นไม้ทุกต้นมีหน้าที่ผลิตพลังงานไฟฟ้ามอบให้โลก
โลกมีหน้าที่รับเอาพลังงานที่รากพืชมอบให้นำไปใช้
พลังงานด้านบวกจากปลายรากของพืชหรือต้นไม้
จะถูกเหนี่ยวรั้งลงสู่ "แกนโลก" หรือแกนแม่เหล็กโลก
ซึ่งทรงติดตั้งก้อนธาตุออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% เอาไว้
ธาตุออกซิเจนที่ว่านี้จะมีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในแกนโลก
มีลักษณะทางกายภาพคือจะ #เหนียวหนืด คล้ายตังเม
เนื้อธาตุจะมีสีเขียวใสคล้ายเนื้อขององค์พระแก้วมรกต
เมื่อมีการสะท้อนแสงก็จะเป็นสีเงาวาวดั่งสีปีกแมลงทับ
ก้อนธาตุออกซิเจนถูกกำหนดให้เป็น "แกนโลก"
โดยแกนโลกที่ว่านี้พระเจ้าทรงกำหนดออกแบบให้
มันทำหน้าที่เป็น #แกนแม่เหล็กโลก อีกหน้าที่หนึ่งด้วย
ลักษณะการทำงานก็คือ "อะตอม" ของธาตุออกซิเจน
จะมีปฏิกริยาว่องไวต่อพลังงานด้านบวกที่รากพืชมอบให้
อะตอมออกซิเจนบริสุทธิ์ในแกนโลกจะเกิดการระเบิดขึ้น
ทรงเรียกว่า #Atommic_Bomb คือ "ระเบิดนิวเคลียร์"
เมื่ออะตอมหนึ่งเกิดการระเบิดขึ้น
มันจะยังผลให้อะตอมข้างเคียงระเบิดตามต่อเนื่อง
ในลักษณะเดียวกันกับการจุดพวงประทัดของคนจีน
เมื่อประทัดดอกแรกระเบิดมันจะจุดระเบิดต่อๆกันไป
ซึ่งมันจะระเบิดอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหมดทั้งแผง
ที่แกนโลกจะระเบิดด้วยปฏิกริยา #นิวเคลียร์ฟิชชั่น
ซึ่งอะตอมธาตุออกซิเจนจะระเบิดอย่างต่อเนื่อง
โดยมันจะทำงานสัมพันธ์กันกับการรับพลังงานบวก
ที่ต้นไม้พระบิดาผลิตให้เฉพาะตอนกลางวันเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เอง
แกนแม่เหล็กโลกในแกนโลกที่ทรงติดตั้งไว้
มันจะทำงานของมันร่วมกับต้นไม้ที่เป็นสิ่งมีชีวิต
เฉพาะเวลากลางวันที่มีแสงอาทิตย์เท่านั้น
เมื่อตกค่ำไม่มีแสงอาทิตย์ต้นไม้ก็จะหยุดพักนอน
การผลิตพลังงานมอบให้โลกก็จะหยุดทำงาน
ซึ่งจะสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปแบบนี้เรื่อยๆ
โดยมีพระสุริยะหรือดวงอาทิตย์คอยกำกับบทบาทให้
เมื่ออะตอมธาตุออกซิเจนระเบิดอย่างต่อเนื่อง
เพราะความเหนียวหนืดคล้ายตังเมของมัน
กับการระเบิดต่อเนื่องตอนกลางวันอยู่ด้านเดียว
การบิดตัวของแกนแม่เหล็กโลกที่แกนโลกจึงเกิดขึ้น
ซึ่งเป็นการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตราบเท่าที่โลก
ได้รับพลังงานด้านบวกจากประดาต้นไม้ทั้งหลายอยู่
เพราะเป็นการระเบิดที่รุนแรงระดับ "นิวเคลียร์"
แรงบิดจึงมากพอให้โลกทั้งดวงเหวี่ยงหมุนได้
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งมหัศจรรย์ในพระปรีชาของพระเจ้า
ซึ่งเป็นพระผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่สูงสุดในอนันตจักรวาล
เท่าที่เราจะพอถ่ายทอดอนุตรธรรมของพระองค์
ให้พวกคุณในปลายยุคพลังงานเก่าทั้งหลายรับรู้ได้
เพื่อเป็นคำตอบว่า #ทำไมเราจึงรักพระองค์
เพื่อเป็นคำตอบว่า #ทำไมพวกคุณต้องรักพระองค์
มิใช่การรักพระองค์เพราะเชื่ออย่างงมงายไร้เหตุผล
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เมื่อพระองค์ทรงค้นพบกระบวนการ
ที่จะทำให้โลกเหวี่ยงหมุนไปได้อย่างต่อเนื่อง
โดยใช้คุณสมบัติทางกายภาพของพระองค์เอง
เป็นต้นแบบเพื่อสร้างสมดุลด้วยการหมุนต่อเนื่อง
จึงทรงติดตั้งก้อนธาตุออกซิเจนไว้ที่แกนโลก
แล้วออกแบบต้นไม้ใหญ่น้อยมากมายปลูกไว้บนดิน
เพื่อให้ต้นไม้ทุกต้นเป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมที่เสรี
เป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าในแบบที่โลกต้องการให้
เพียงเท่านี้โลกก็ทำหน้าที่ได้ดังพระประสงค์แล้ว
นั่นคือ
ถ้าโลกจะทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลางของเอกภพได้
ดาวเคราะห์โลกก็จักต้องหมุนรอบตัวเองต่อเนื่อง
เพื่อรักษาความสมดุลในระบบของตนเองให้ได้ก่อน
โลกจึงจะ "ค้ำจุน" เอกภพที่เป็นระบบใหญ่กว่าได้
ด้วยเหตุนี้ต้นไม้น้อยใหญ่ทุกต้นบนโลกจึงสำคัญยิ่ง
ต้นหญ้าป่าไม้แผ่นดินโลกและน้ำคือทรัพยากรโลก
ที่มนุษย์จะต้องช่วยกันอนุรักษ์ไว้เท่าชีวิตห้ามทำลาย
เพราะโลกจะขาดสิ่งที่เรียกว่าทรัพยากรธรรมชาติมิได้
#ถ้าตันไม้น้อยใหญ่ตายหมด
#ถ้าแผ่นดินโลกแล้งน้ำ
#ดาวโลกดวงนี้ก็จะหยุดหมุน
#หายนะภัยทั้งหลายก็จะเกิดขึ้น
#โลกและมนุษย์โลกก็จะอยู่ไม่รอด
กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ปัญญา วิสุทธิ์
10/11/256