18 มกราคม 2561

ของขวัญวันครู



#สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆยุวจิตจักรวาลที่รัก

เนื่องจากเมื่อวานนี้เป็น #วันครู
เช้าตรู่วันนี้เราจึงมีความจริง
ที่จะกล่าวต่อท่านทั้งหลาย
ผ่านไปยังคนที่ใช้นามว่า นาง J (นามสมมุติ)
ที่ส่งข้อความถึงเราไว้ในห้องเรียนนี้
แต่เขียนอยู่ในตรอกแคบๆ 
จนนักเรียนหลายท่านอาจแลไม่เห็น

โดยเธอคนดังกล่าวนี้
ไม่ได้เขียนมาถามธรรมะที่ใคร่รู้อะไรหรอก
แต่เธออ้างว่าเธอเขียนถึงเรา
เพื่อต้องการเสนอแนะ
ขณะที่เรามองว่าเป็นการ "ก้าวล่วงเรา"
อย่างขาด #มหาสติ เสียมากกว่าเสนอแนะ

เราในฐานะเป็นครูของท่านทั้งหลาย
ที่สู้อุตส่าห์สื่อถ่ายทอดพระโอวาทจากพระบิดา
มากล่าวต่อท่านทั้งหลายนานสามสิบปีเศษแล้ว
จึงเห็นสมควรที่จะนำกรณีนี้มาเป็นองค์ความรู้
ต่อท่านทั้งหลายได้เรียนรู้และได้ประจักษ์ว่า

สาเหตุหนึ่งที่สำคัญ
ที่ทำให้คนซึ่งบวชมานานแล้วนิพพานไม่ได้
เพราะเป็นคนไร้สติเที่ยวก่อกรรมทำผิดบาป
ด้วยการก้าวล่วงผู้อื่นอยู่ทั้งชีวิตโดยไม่รู้ตัว
ทั้งๆที่สองมือยังยึดถือคัมภีร์อยู่แท้ๆ
ซึ่งนักเรียนพึงระวังและจงอย่าเอาเยี่ยงอย่าง
เพราะหนทางหลุดพ้นจะถูกปิดทันที
อันมีเหตุจาก #การก้าวล่วงผู้อื่น นี่แหละ

ดังนั้น
เราจึงขอนำกรณีศึกษาจากเรื่องจริงดังกล่าว
มาเปิดเผยต่อท่านทั้งหลายไว้ในที่นี้
ด้วยการสมมติว่าถ้าเราจะกล่าวตอบ
ต่อเธอคนที่เขียนข้อความมาก้าวล่วงเรา
เพื่อเป็นการอบรมสื่อสอนนักเรียนอย่างท่าน
พร้อมๆกันไปในเวลาเดียวกันด้วยแล้ว
เราก็จะกล่าวต่อเธอคนนั้นว่าดั่งนี้ล่ะ

ขอนักเรียนจงโปรดสดับรับความรู้กันเถิด

Attention:
**********
นาง J (นามสมมุติ)

เธอเขียนถึงเราไว้ 2 ตอนสั้นๆความว่า

1."ลูกอยากเห็นการลดพลังงานเพื่อสื่อว่า
เป็นการสื่อจากพระบิดา 
ขอให้อาจารย์มั่นใจในตนเอง
และพูดถึง vertical telepathy น้อยลง"

นาง J (นามสมมุติ)

2."ให้พูดว่านี่คือการสื่อจากพระบิดา ให้น้อยลง 
เสนอแนะว่าพูดได้ แต่พูดให้น้อยลง"
*************************************

เราจะขอสรุปประเด็นที่เธอเขียนถึงเรา
ให้ชัดกระชับว่ามันมีประเด็นที่เราต้อง
นำมาวิสัชนาต่อสังคมได้ร่วมเรียนรู้กันไว้
ดังต่อไปนี้

1.เธอบอกว่าเธอต้องการเสนอแนะเรา

2.เธอต้องการให้เรากล่าวว่า
"นี่คือการสื่อจากพระบิดา
และพูดถึง Vertical Telepathy" ให้น้อยลง

3.เธอกล่าวว่า "เสนอแนะให้พูดได้"

4.เธอกล่าวว่า "ขอให้อาจารย์มั่นใจในตนเอง"

#ต่อไปนี้เป็นคำสอนคำตอบของเราล่ะนะ

1.เราอ่านข้อเขียนของเธอแล้ว
เราจะบอกความจริงต่อเธอที่เขียนถึงเราว่า
ทุกประโยคทุกถ้อยความตามอักษรของเธอ
และทุกการสั่นสะเทือนทางจิตของเธอนั้น
มันแปลความว่า "ก้าวล่วง" มิใช่การเสนอแนะ

เธอรู้หรือไม่ว่า...
ข้อเสนอแนะเป็นสิ่งที่ดีมาก
หากมันเป็นความปรารถนาดี
หากมันมีเหตุผลอันเหมาะสม

แต่ที่เธอเขียนถึงเรานั้นอ่านหลายเที่ยว
ก็ไม่เห็นจะมีตรงไหนที่จะบอกเหตุผลต่อเราว่า
ที่เธอเสนอแนะให้เราทำตามความต้องการเธอ
มันมีเหตุผลเพราะอะไรจึงต้องทำตามเธอ
แล้วที่เราทำมันขาดความเหมาะสมตรงไหน

คำสอนของเราคือ
คราวหน้าถ้าจะเสนอแนะใคร
จงบอกเหตุผลให้เขารู้ด้วยว่า
วิธีที่เธออ้างว่าเสนอแนะนั้นมันดีกว่าตรงไหน
วิธีที่เขาทำอยู่ไม่ดีไม่เหมาะไม่ควรที่ตรงไหน
จงอย่าพูดลอยๆเด็ดขาด
มันดูเหมือนเธอไม่จริงใจ ไม่บริสุทธิ์ใจ
และมันมิใช่การเสนอแนะอย่างที่เธออ้างนะ

2.เธอสื่อสารถึงเราโดยทำเหมือนกับว่า
จะบงการให้เรากล่าวประโยคที่ว่า
"#นี่คือการสื่อจากพระบิดา
และพูดถึง Vertical Telepathy" #ให้น้อยลง

เราขอถามเธอว่า
ประโยคศักดิ์สิทธิ์ของเรา
ไหงกลายเป็นเหมือนคำกล่าวไร้สาระ
สำหรับเธอไปเสียได้เล่า
เธอจึงไม่อยากได้ยินได้ฟังที่เรากล่าวเช่นนั้น

เพราะประโยคที่เธอไม่อยากฟัง
มันเป็นการกล่าวสัจจะของเรา
เบื้องพระพักตร์พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
เป็นการกล่าวถึงพระองค์ที่ทรงเป็นผู้สื่อ
โดยเราเป็นเพียงผู้รับสื่อพระโอวาทมาเท่านั้น

ที่เรากล่าวย้ำประโยคนี้บ่อยๆ
เพราะพระโอวาทกระแสธรรมในทุกพระคำ
ที่เราเพียรสื่อถ่ายทอดอยู่เป็นประจำนั้น
เป็นองค์ธรรมอันล้ำเลิศแต่เข้าใจง่าย
แม้ธรรมะบทยากๆก็สื่อให้เข้าใจได้ในสามนาที

จึงเพื่อให้พี่ๆน้องๆทั้งหลายได้เกิดสติว่า
เราเป็นเพียงผู้กล่าวแต่คำกล่าวน่ะ
เป็นพระโอวาทจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ของท่านทั้งหลาย

จงอย่าได้หลงผิดคิดว่าเป็นพระธรรมของเรา
เพราะเราไม่ต้องการหลอกลวงแอบอ้าง
เพื่อเอาดีใส่ตัวเอาประโยชน์ใส่ตนอย่างไม่อาย
เหมือนคนกล่าวธรรมะแต่ไร้สัจจะหลายคน
ชอบนำพระธรรมพระศาสดาที่จำมาใช้กล่าวสอน
ทั้งๆที่พระธรรมคำกล่าวสอนมิใช่ของตัวเองเลย
แต่ทุกคำกล่าวทุกตอนไม่เคยอ้างอิงพระศาสดา
เพราะตัวปรารถนาจะเด่นดังอยู่คนเดียวนั่นแหละ

หรือเธอกำลังเสนอแนะ
ให้เรา "หลอกลวง" ชาวบ้าน

แนะให้เราแอบอ้างให้คนหลงเชื่อ
ว่าเราเป็นผู้กล่าวธรรมะนั้นๆเอง
โดยละทิ้งพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ซึ่งทรงเป็น "พ่อแม่" ทางจิตวิญญาณเธอเอง
ที่ทรงสู้อุตส่าห์กล่าวพระโอวาทผ่านเรามา
เพื่อหวังช่วยฉุดกระชากจิตสามนึกของเธอให้สูง
และชี้หนทางกลับบ้านให้
ในขณะที่เธอกำลังหลงทางกันอยู่เช่นนั้นหรือ?

เราทำตามการเสนอแนะที่ก้าวล่วงเราไม่ได้หรอก
ที่เราทำตามไม่ได้เพราะอะไรรู้ไหม

เพราะคำเสนอแนะของเธอเรารับไม่ได้น่ะสิ
เพราะเธอชี้นำมาอย่างไร้เหตุผล
และเพราะเราเห็นว่าเป็นการแนะให้เรา
เป็นลูกอกตัญญูและเนรคุณต่อพระองค์
เราจึงทำตามเธอไม่ได้

เธอเข้าใจคำว่าสัจจะหรือความจริงมั้ย
ทำไมเธอจึงรับฟังเรากล่าวความจริงไม่ได้
เธอปฏิเสธพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของเธอ
แล้วจะชวนให้เราอกตัญญูไปกะเธอด้วยหรือ

เธอไม่ต้องการให้เราพูดถึง
การสื่อสารทางจิตในแนวดิ่งกับองค์จิตจักรวาล
เพราะเหตุผลอะไรหรือ เช่น 

เพราะเธอมองว่าเรากำลังกล่าวเท็จ
เลยอยากให้เราหยุดกล่าวเท็จเสียเช่นนั้นหรือ
ช่วยยืนยันมาพร้อมเหตุผลด้วยว่าอะไรคือเท็จ

หรือเพราะตัวเธอรู้ดีกว่าเราว่า
การสื่อสารทางจิตวิธี Vertical Telepathy นี้
ไม่ใช่ศาสตร์ชั้นสูงที่เรียกว่า "อภิปรัชญา"
แต่มันเป็น "มายาลวงโลก" จึงทนฟังไม่ได้
เราขอทราบเหตุผลด้วยอย่ากล่าวมาลอยๆ

หรือเป็นเพราะตัวอิจฉาริษยา
ในความสามารถพิเศษทางจิตวิญญาณของเรา
ซึ่งเธอหรือใครๆไม่สามารถเข้าถึงมันได้
จึงเป็นตัวการให้เธอก้าวล่วงเรามาเช่นว่านี้

การที่เราจะกล่าวซ้ำเช่นนี้จะสักอีกกี่ครั้ง
มันสร้างปัญหาอะไรให้เธอหรือ
การที่เธอทนฟังเรากล่าวความจริงไม่ได้
ทั้งๆที่เรามิได้กล่าวจาบจ้วงล่วงเกินเธอเลย
เธอนั่งๆนอนๆฟังพระโอวาทอยู่ในหลืบ
จู่ๆก็โผล่ออกมาก้าวล่วงเรา
ตามเรื่องราวที่เรากล่าวสืบสานมาทั้งหมดนั้น
เธอมีอะไรบกพร่องทางความคิดหรือจิตใจรึเปล่า
อะไรทำให้เธอขาดสติทั้งๆที่นั่งหลับตาฝึก
แบบไม่อะไรกับอะไรมานมนานแล้วล่ะ

3.เธอกล่าวว่า "เสนอแนะให้พูดได้"
คือ พูดประโยคที่แสลงหูแสลงใจเธอนั่น
ทั้งๆที่มันเป็นประโยคสัจจะของเราแท้ๆ

เราจึงขอกล่าวความจริงให้เธอรู้สติว่า
องค์จิตจักรวาลพระบิดาแห่งจิตวิญญาณเท่านั้น
พระองค์ทรงเป็นมหาคุรุแห่งเรา
ในการกล่าวพระโอวาทต่อท่านทั้งหลาย
มิใช่ใครคนหนึ่งเช่นเธอบนโลกเสรีนี้
ที่จะมาสอนสั่งเราให้ทำผิดบาปต่อพระบิดา
ให้เราไม่กล่าวความจริงต่อพี่ๆน้องบนโลกนี้

พระองค์เท่านั้นที่เราจะรับฟังพระบัญชา
เพราะเราเป็น #บุตรเอก แห่งพระองค์
เรามีภูมิรู้ภูมิธรรมภูมิปัญญาเป็นของตนเอง
แต่เราก็ยินดีรับฟังคำแนะนำที่ดีๆ
มีเหตุผลสนับสนุนของใครๆเสมอ
แต่คำสั่งสอนของเธอเฉพาะกรณีนี้
เรารับไม่ได้...เรารับไม่ได้....

เพราะว่ามันเป็นคำแนะนำที่
ชวนให้เราทำผิดบาปหรือลงนรก
เป็นคำแนะนำที่มีอคติไม่สุจริต
เป็นคำแนะนำที่ไม่จริงใจแอบแฝงอยู่
เรารับไม่ได้เราจึงขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

4.นี่เป็นประเด็นสุดท้ายที่เธอก่อขึ้น

เธอกล่าวว่า 
"ขอให้อาจารย์มั่นใจในตนเอง"

ขออภัยเถิดเธอ
มีตรงไหนนี่...ที่ทำให้เธอมองเราว่า
เป็นคนขาดความมั่นใจในตนเองไปได้

เธอไม่เห็นหรือ....
เรากล้าลุกขึ้นยืนเตือนพี่น้องทั้งโลกว่า
โลกกำลังสิ้นยุค โลกกำลังเจอภัยพิบัติ
แผ่นดินจะหาย ผู้คนจะตายกันมากมาย

ถ้ามนุษย์โลกจิตสำนึกต่ำทราม
ถ้าไม่ปฏิบัติธรรมอย่างเข้าใจแจ้ง
ถ้าปฏิบัติธรรมแต่งมงายขาดการใช้ปัญญา
ถ้าไม่ฟังเราอย่างมีสติทางวิญญาณ

ชาวโลกทั้งหลาย
เตรียมตัวทำสงครามกับภัยพิบัติเอาไว้ให้ดีๆ

เมื่อเราสื่อพระโอวาท
เราก็ออกมากล่าวอย่างเปิดเผยต่อสังคม
โดยไม่มีองค์กรจัดตั้ง โดยไม่สร้างลัทธิ
โดยชวนคนให้ใช้ปัญญาไม่พาใครงมงาย

เราถามเธอหน่อยว่า
เราขาดความมั่นใจในตนเองตรงไหน
เรามั่นใจในพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
เรามั่นใจในความสามารถสื่อถ่ายทอดของเรา
เรามั่นใจในความฉลาดของพี่ๆน้องๆ
ที่จะยอมเปิดตาเปิดหูและใจ
ยอมรับฟังความจริงทั้งหลาย
ที่เราสื่อถ่ายทอดมาจากพระบิดาแน่ๆ
แม้ว่าจะมีคนฟังเข้าใจเพราะฉลาดแท้กันไม่กี่คน

เราไม่แอบไปหลบมุมสร้างสำนักสร้างลัทธิ
เพื่อเสนอคำสอนประหลาดนอกรีต
อยู่ตามป่าตามเขา
เพื่อสะสมสาวกทีละน้อยๆๆๆหรอก

เพราะถ้าเปิดเผยกลัวถูกคนที่รู้ทันเขาต่อต้าน
แอบสะสมคนงมงายจูงตรงไหนก็ง่ายก่อนดีกว่า

เพราะวิธีแบบที่ว่านี้เราเห็นว่า
เป็นวิธีที่ไม่มั่นใจในธรรมะของตนเอง
และขาดความจริงใจในงานธรรมมากกว่านะ

แต่นี่เรา...ถ่ายทอดพระโอวาททุกช่องทาง
เป็นสิ่งพิมพ์แบบพระคัมภีร์
มีลายลักษณ์อักษรให้คนอ่าน
เพราะมั่นใจว่าสื่อมาอย่างถูกต้อง
ไม่ลอกใครมาอีกด้วย 
เราจึงไม่ดีแต่แอบพูดสอนในที่ลับตาคน
นี่เธอเห็นว่าเรายังไม่มั่นใจในตนเองอีกหรือ

เราถ่ายทอดผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวอร์ค
ทั้ง face book ทั้ง line ทั้ง TV ดาวเทียม
มีคนเห็นอย่างกว้างขวางทั่วโลก
มีห้องพระคัมภีร์ Blog spot สืบค้นได้ทุกเวลา
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้
นี่เธอเห็นว่าเรายังไม่มั่นใจในตนเองอีกหรือ

เราตอบคำถามธรรมะทุกคน ทุกคำถาม
โดยไม่กระมิดกระเมี้ยนแต่มาดมั่น
นี่เธอเห็นว่าเรายังไม่มั่นใจในตนเองอีกหรือ

เธอไม่ใช่สมาชิกกลุ่มยุวจิตจักรวาล
เธอจึงยังไม่รู้จักพระบิดาไม่ศรัทธาเรา
เพราะเธอขาดความใจกว้างที่จะเรียนรู้
เธอจึงเป็นครูที่ขาดสมดุลสำหรับเราไงล่ะ

นอกจากนั้น
เราขอกล่าวความจริงในท้ายบทเรียนนี้ว่า
ที่เธอสอนเราว่า "จงมั่นใจในตนเอง" นั้น
นั่นมันเป็นคำกล่าวที่คนไม่ฉลาด
หรือคนใช้ปัญญาไม่เป็น
เขาจะมองเธอเป็นดั่งนางเอกมากเลย
เพราะฟังเผินๆมันเหมือนเธอ
กำลังแสดงความปรารถนาดีต่อเราน่ะแหละ
วิธีแบบนี้ฝ่ายตรงข้ามกับ "เทพ" เขามักใช้กัน

นี่แน่ะ...
เราขอสื่อสอน
ในพระนามพระบิดาเอาไว้ตรงนี้ว่า 
ถ้าเธอยังไม่หยุดก้าวล่วงคนอื่น
ต่อให้บวชนานก็ยังนิพพานไม่ได้หรอก
เพราะแค่สัจธรรมข้อสำคัญง่ายๆยังปฏิบัติมิได้
จะเข้าถึงการหลุดพ้นได้อย่างไร

ธรรมะคือธรรชาติ
ทุกสิ่งในธรรมชาติเขาจะไม่ก้าวล่วงกัน
ต่างจะอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนกลมเกลียว
เขาจะไม่อิจฉาตาร้อนกัน 
ไม่เอาเปรียบเบียดเบียนกัน
ไม่คิดลบทำลบต่อกัน

การนิพพานหรือหลุดพ้น
คือ การนำพาจิตวิญญาณตนเองคืนสู่ธรรมชาติ
กลับไปเป็นเสมือนดาวดวงหนึ่ง
ที่ดำรงอยู่ร่วมกันกับดาวอื่นๆนับล้านดวง
อย่างลงตัวกันได้ชั่วนิรันดร์

ไม่ว่าจะดำรงอยู่ใกล้หรือไกลกัน
จะสว่างมากสว่างน้อยกว่ากัน
จะมีขนาดเล็กขนาดใหญ่ไม่เท่ากัน
ต่างก็สามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้ตลอด

นี่แค่เป็นคนสองมิติ
ก็ยังรักษาสมดุลร่วมกันไม่ได้
จักเข้าถึงการหลุดพ้นคือกลับบ้านได้อย่างไร
เมื่อจิตใจยังขาดการชำระให้พิสุทธิ์อยู่

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
คำกล่าวของเธอผู้นี้นั้นในมุมของเรา
มองว่ามิใช่ปรารถนาดีแต่เป็น #ก้าวล่วง

พระบิดาสอนเราว่า
การก้าวล่วงของคนที่ยังเป็นมนุษย์ไม่เป็น
จะมีอยู่ 2 ลบ ที่อย่าเอาอย่าง

ลบแรก คือ #ลบหลู่ 
อันหมายถึงการกระทำ
เชิงดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่นแบบเปิดหน้า
ไม่มีจริตเล่ห์กลมายาอะไร

ลบที่สอง คือ #ลบเหลี่ยม
เป็นการกระทำที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมก้าวล่วง
เพื่อทำให้ผู้อื่นเสื่อมเกียรติเสียหายเสียหน้า
เพื่อทำให้ผู้อื่นมองว่าตนเหนือกว่าเด่นกว่า

ดังนั้น
การกล่าวสอนเรา
จึงเสมือนลบเหลี่ยมเรา
แสดงคล้ายความหวังดีแต่มีเลศนัย
เพื่อแสดงให้เห็นว่าคนที่สอนเราได้
ย่อมเหนือกว่าคนที่ถูกสอนนั่นเอง
ถ้าทำให้คนอื่นคล้อยตามได้
ความเสื่อมจักเป็นของเราโดยแท้

ทั้งหมดที่เรากล่าวสอนมานี้
ขอขอบใจเธอคนที่มาเป็นครู
ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน

แม้บางตอนเธออาจปฏิเสธว่าไม่จริง
จากสิ่งที่เราวิเคราะห์เพื่อสอนศิษย์เราก็ไม่เป็นไร
แต่เราก็ขอนำมาสอนไว้ในที่นี้
เพื่อให้นักเรียนรู้ว่าการใช้ชีวิตในสังคม
เพื่อการปฏิบัติบำเพ็ญธรรมนั้น
ต้องใช้มหาสติเท่านั้นจึงจะเกิดการสำรวม
จนว่างไปจากการก้าวล่วงผู้อื่นได้

การหลบไปอยู่ป่า
ไปหามุมวิเวกอยู่คนเดียว
แต่ยังเลี้ยวเข้าหาสังคมแบบนี้
จึงไม่ชำนาญในการสำรวมพฤติกรรม
โดยไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร
เมื่อมีความคิดเห็นไม่ตรงกันกับคนอื่น

ไม่รู้ว่าจะทำจิตใจให้สว่าง
เพื่อเรียนรู้โลกกว้าง
ที่เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลายได้ไง
จึงเผลอก้าวล่วงใครต่อใคร
โดยไม่รู้สูงรู้ต่ำโดยไม่รู้สำนึกควรไม่ควร
เหตุผลข้อเดียว คือ ขาดทักษะทางสังคม
รู้จักตนเองอย่างเดียวแต่ขาดการเข้าใจผู้อื่น
รู้จักส่วนตัวคนเดียวแต่ขาดสำนึกแห่งหมู่คณะ

เนื่องในวันครู
คำสื่อสอนทั้งหมดในสเตตัสนี้
เป็นของขวัญชิ้นหนึ่ง
ซึ่งเราขอมอบให้นักเรียนยุวจิตจักรวาลทุกคน
ผู้ปรารถนาการหลุดพ้นให้อ่านกันหลายเที่ยว
 
#ต้องอ่านให้จำ  #ต้องทำให้ได้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
17-1-2018