07 มกราคม 2561

สนทนาประสาจิตจักรวาล 7/01/2018

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

คนที่ไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณ

คนที่ไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิดใหม่

คนที่ไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม

 

ผู้คนจำพวกนี้

เป็นคนที่หลงมิติแห่งโลกมายา

มักพูดจาภาษาธรรมะกับใครไม่ค่อยรู้เรื่อง

 

ในชีวิตต้องการเสพสมแต่ด้านโลกียะ

เช่น สุข สะดวก สำเร็จ

ปรารถนาความร่ำรวยสินทรัพย์และอำนาจ

โดยไม่ใส่ใจด้านจิตวิญญาณของตนเลย

พวกเขาเชื่อว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดา

เมื่อถึงคราวตายก็ต้องตาย

เมื่อตายแล้วทุกอย่างก็จบสิ้น

 

คนจำพวกนี้จะถือว่าชีวิตคือการต่อสู้

โดยคู่ต่อสู้ของเขาก็คือเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ

ซึ่งมีผลประโยชน์ มีโอกาส และมีอำนาจ

เป็นรางวัลหากต่อสู้กันแล้วตนเป็นผู้ชนะ

 

ด้วยเหตุนี้เอง

สิ่งสำคัญสูงสุดที่คนจำพวกนี้ต้องการ

นั่นคือ #ชัยชนะ เหนือสิ่งอื่นใด

เพราะถ้าแพ้หรือไม่ชนะในเกมการต่อสู้

ทั้งผลประโยชน์ ทั้งโอกาส และอำนาจ

ที่ตนต้องการก็จักหลุดลอยไป

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เมื่อความจริงมันเป็นเช่นนี้แล้ว

ผู้คนจำพวกนี้จึงมีวิธีคิดอยู่ 2 แบบ

เพื่อให้ตนประสบผลสำเร็จตามต้องการได้

วิธีคิดของพวกเขาก็คือ

 

1. ทำอย่างไรตนจึงจะชนะคู่แข่งขันหรือคู่ต่อสู้

แนวคิดมุมนี้ คือ #อยากจะชนะ

 

คนกลุ่มนี้ก็จะพยายามคิดทำทุกอย่าง

เพื่อให้ตนประสบความสำเร็จ

ด้วยการใช้ความฉลาดทางปัญญา

ในการทำมาค้าขายหรือทำมาหากิน

โดยอาศัยศาสตร์และศิลป์เป็นเครื่องมือ

 

คนพวกนี้เป็นคนดีในสังคม

เพราะประกอบสัมมาอาชีวะ

จะไม่คดโกง ไม่เอาเปรียบ เบียดเบียนใคร

ไม่เป็นภัยต่อสังคม

เป็นคนเก่ง ฉลาด และเป็นคนดี

แต่เสียอย่างเดียวที่เอาแต่ทางโลกียะ

ดังที่เรากล่าวไว้ข้างต้นแล้ว

 

2. ทำอย่างไรตนจึงจะไม่แพ้คู่แข่งคู่ต่อสู้

แนวคิดมุมนี้ คือ #กลัวแพ้หรือไม่อยากแพ้

 

ถ้าท่านเริ่มต้นจะทำสิ่งใดด้วยความกลัว

พลังอำนาจในตนเองของท่านก็พลันเสื่อม

อย่างกรณีการดำเนินชีวิตและงาน

ด้วยการกลัวแพ้ ไม่อยากแพ้

หรือกลัวไม่สำเร็จที่ว่านี้

มันเป็นการสั่นสะเทือนทางจิตด้านลบชัดๆ

 

เมื่อท่าน "นึกลบ" ตั้งแต่แรกแล้ว

จิตก็จะสั่งการสมองให้ "คิดลบ" ตามทันที

โดยมันย่อมเป็นไปตามสัจธรรมในข้อที่ว่า

#จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว นั่นแหละท่าน

 

ดังนั้น

เมื่อพวกท่านนึกคิดว่า #กลัวจะแพ้

กลัวว่าจะทำไม่สำเร็จ

กลัวว่าจะสู้คู่แข่งขันคนอื่นๆไม่ได้

กลัวว่าตนจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้คู่แข่ง

 

จิตของท่านมันก็จะสั่งการสมอง

ให้คิดหาคำตอบให้ได้ว่า....

"จะต้องทำอย่างไรบ้างตนจึงไม่แพ้"

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

เพราะความอยากได้ใคร่มีค่อนข้างสูง

เมื่อสภาวะจิตสั่นสะเทือนเป็นลบคือกลัวแพ้

คนเหล่านี้ก็จะใช้ความฉลาดทางปัญญา

หาวิธีการด้านลบมาใช้เพื่อทำให้ตนไม่แพ้

เพราะ "ความกลัวแพ้" ทำให้จิตเสื่อม

 

คนเหล่านี้

จึงแสดงพฤติกรรมขยะออกมาให้เห็น

เช่น ใจแคบ งก เห็นแก่ตัว โลภ เอาเปรียบ

อยากจะเอามากกว่าอยากจะให้

ไม่ซื่อสัตย์ ไม่จริงใจ ไม่มีสัจจะ เชื่อถือไม่ได้

 

หากจะกล่าวโดยรวมก็คือ

ผู้คนประเภทนี้จะตกเป็นทาสกิเลสตัณหา

จึงทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์

ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตนไม่เสียประโยชน์

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

การที่ธรรมะเข้าไม่ถึงจิตใจคนเหล่านี้

ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่บนโลกนี้ได้

ก็เพราะว่าพวกเขาไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณ

พวกเขาใส่ใจแต่การแสวงประโยชน์สุขทางโลก

ด้วยการแสวงหาแต่อำนาจมาเป็นเครื่องมือ

เพราะพวกเขา "นึกคิดด้านลบ" คือ กลัว

 

นี่คือคนส่วนใหญ่ในสังคมโลก

จิตสามนึกของแต่ละคนจึงดิ่งลงต่ำ

ไม่รู้จักรัก ไม่รู้จักให้ ได้แต่เอา

จนไม่สามารถละวางความโลภโกรธหลงได้

จึงฉลาดแต่เรื่องชั่วๆและไม่ฉลาดในเรื่องดีๆ

ทวีจำนวนมากขึ้นทุกวันๆอีกต่างหาก

 

พวกท่านหลายคนเคยถามเราว่า

เหตุไฉนสมาชิกกลุ่มยุวจิตจักรวาล

ผู้สนใจเฝ้าฟังพระโอวาทพระบิดา

ทีทรงสื่อผ่านเรามาทาง fb.Visudhi Punya นี้

มีไม่มากมายเท่าใดนัก

 

คำตอบคือ

เพราะบางคน

เข้ามาศึกษาเรียนรู้บ้างไม่เข้าบ้าง

เนื่องจากเป็นคนกลุ่มแรก คือ คนดีนี่แหละ

แต่เน้นที่ทำมาหากินมากกว่าหาธรรมะ

บางวันจึงเข้าห้องเรียนบางวันก็ห่างหายไป

 

กับอีกพวกหนึ่ง คือ ไม่ใส่ใจอะไรเลย

แค่ท่องเน็ทผ่านมาก็ผ่านเลยไป

เพราะตรงนี้ไม่มีสิ่งใดที่ตนต้องการในชีวิต

ทั้งๆที่ทุกตัวอักษรในห้องเรียนนี้

 

1. เป็นพระโอวาทจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

ที่สื่อผ่านมาถึงมนุษย์โลกทุกคนโดยเฉพาะ

 

2. เป็นข่าวสารด้านการชำระโลก

ที่มีความรอดของทุกคนเป็นเดิมพัน

ซึ่งหาจากที่อื่นไม่มี

 

3. เป็นองค์ความรู้ที่จะช่วยให้ท่านทั้งหลาย

นำพาดวงจิตวิญญาณกลับบ้านหรือหลุดพ้น

ในภพชาติปัจจุบันนี้ได้ล้านเปอร์เซ็นต์

โดยเฉพาะชาวบ้านหรือฆราวาส

ที่มิอาจถือบวชด้วยการสละทางโลกได้

แต่ปรารถนาจะหลุดพ้นอย่างแท้จริง

 

นี่เราก็ตอบคำถามท่านที่ถามเราไว้แล้ว

แต่จงเชื่อเถิดว่าบางครั้งนั้น

จำนวนคนที่เข้าห้องเรียนนี้มามากๆ

ก็ใช่ว่าจะเป็นตัวชี้วัดจำนวนผู้รอดได้

ถ้าท่านทั้งหลาย #เรียนรู้ไม่เป็น

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

7-1-2018