อภิปรัชญา: Pure-meta physics
#มหัศจรรย์แห่งจิตใต้สำนึก
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
#จิตใต้สำนึก กับ #จิตสามนึก นี้
เป็นเหมือนตะเกียบที่ใช้คีบอาหาร
ท่านต้องใช้งานมันร่วมกันทั้งสองข้าง
จะใช้ตะเกียบข้างใดข้างหนึ่ง
แค่เพียงข้างเดียวมิได้
นี่ย่อมหมายความว่า
ตะเกียบทั้งสองข้าง
ต่างจะต้องทำงานร่วมกันนั่นเอง
มนุษย์เป็นคนสองมิติ
คือมิติทางกายภาพที่เป็นกายหยาบ
โดยมีจิตหยาบเป็นผู้ขับเคลื่อน
การสั่นสะเทือนของ #จิตสามนึก
เพื่อให้เกิดการแสดงออกหรือการกระทำ
ด้วยเครื่องยนต์แห่งกรรม
เพื่อผลลัพธ์ใดๆที่ต้องการ
นี่จึงเป็นเหมือนตะเกียบข้างหนึ่ง
กับอีกมิติหนึ่งก็คือ
มิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้
โดยมีจิตวิญญาณเป็นผู้ขับเคลื่อน
การสั่นสะเทือนของ #จิตใต้สำนึก
เพื่อให้เกิดการแสดงออกหรือการกระทำ
ด้วยอำนาจของพลังงานทางจิตวิญญาณ
เพื่อผลลัพธ์ที่จิตสามนึกต้องการนั้น
นี่ก็เป็นดั่งตะเกียบอีกข้างหนึ่งนั่นเอง
ดังนั้น
ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จ
ในการดำเนินชีวิตหรือการทำงาน
ท่านจึงต้องใช้จิตทั้งสองมิติ
คือจิตหยาบกับจิตวิญญาณ
ทำงานร่วมกันอย่างลงตัวให้จงได้
ซึ่งหมายถึงจิตทั้งสองมิติ
จักต้องสั่นสะเทือนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้เอง
ความจริงในเบื้องแรกที่เราจะบอกท่าน
หากต้องการประสบผลสำเร็จใดๆในชีวิต
ท่านจักต้องปฏิบัติตนให้เข้าถึงความจริง
ทุกประการดังต่อไปนี้
1.ท่านเองโดยจิตหยาบ
จักต้องยอมรับความจริงเสียก่อนว่า
ตนเองนั้นยังมีจิตวิญญาณเร้นอยู่ข้างใน
2.สังขารร่างกายของท่าน
จักต้องแข็งแรง ไม่อ่อนแอ ไม่ขี้โรค
ไม่เป็นอุปสรรคในการใช้กำลัง
ซึ่งท่านจักต้องใส่ใจดูแลสุขภาพให้ดี
โดยบริโภคอาหารจำพวกพืชผักผลไม้
และเมล็ดธัญพืชจำพวกถั่วทุกชนิด
ท่านก็จะได้รับสารอาหาร แร่ธาตุ
และวิตามินต่างๆได้อย่างครบถ้วน
โดยไม่จำเป็นต้องทานเลือดเนื้อของสัตว์
ซึ่งเป็นพวกเดียวกันเองแต่อย่างใด
นอกจากนั้น
ท่านก็จักต้องพักผ่อนอย่างพอเพียง
และหมั่นออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ
นี่คือการทำตะเกียบข้างหนึ่งให้แข็งแกร่ง
พร้อมใช้งานแล้ว
3.จิตวิญญาณของท่าน
จักต้องมีพลังอำนาจสูงพอตัว
จนสามารถสั่นสะเทือนได้อย่างเต็มพลัง
ในทุกๆครั้งที่จิตหยาบต้องการ
พลังทางจิตวิญญาณของท่าน
จะได้จากการสั่นสะเทือนของจิตใต้สำนึก
ถ้าจิตใต้สำนึกสั่นสะเทือนสูงสุดมากเท่าใด
พลังอำนาจทางวิญญาณก็จะสูงมากเท่านั้น
จิตใต้สำนึกจะสั่นสะเทือนสูงสุด
เพื่อสนองความต้องการของจิตสามนึก
ได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไรนั้น
ขึ้นกับเงื่อนไขสำคัญ 3 ประการ คือ
#ประการที่หนึ่ง
ท่านใช้ "แรงจูงใจ" หรือ "แรงบันดาลใจ"
ในการสั่นสะเทือนจิตสามนึก
ถ้าท่านใช้ #แรงบันดาลใจ
จิตใต้สำนึกก็จะมีพลังสูงกว่าหลายเท่า
#ประการที่สอง
จิตสามนึกสั่นสะเทือนเป็นความต้องการ
ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรือเป็นจริงไม่ได้
ที่เรียกว่า "เพ้อฝัน" หรือละเมอเพ้อพก
จิตใต้สำนึกจะสั่นสะเทือนตามไม่ได้
#ประการที่สาม
จิตใต้สำนึกมีพลังอำนาจต่ำกว่าปกติมาก
เพราะตัวท่านสั่งสมพลังงานกรรม
จากการกระทำผิดบาปเอาไว้มากนั่นเอง
ที่ผ่านมาเราจึงแนะนำให้ท่านทั้งหลาย
ครองลูกแก้วสองดวงไว้ให้มั่นคง
เพราะมันจะช่วยท่านไม่ก่อกรรมใหม่
แถมยังสามารถแก้ไขกรรมเก่าได้ด้วย
นี่ก็คือการทำตะเกียบอีกข้างให้แข็งแรง
พร้อมที่จะใช้งานร่วมกับอีกข้างหนึ่งแล้ว
4.ท่านต้องหมั่นฝึกฝนตนเอง
ให้มีความสามารถใช้อวัยวะและอายตนะ
ให้แคล่วคล่องปราดเปรียวหรือชำนาญไว้
เพราะความสำเร็จใดๆในภารกิจทางโลก
จักต้องอาศัยอวัยวะกับอายตนะ
เป็นเครื่องมือสร้างความสำเร็จทั้งสิ้น
ในด้านจิตวิญญาณก็เช่นกัน
ท่านสามารถฝึกใช้พลังจิตให้ชำนาญได้
ขณะดำเนินชีวิตประจำวัน
เป็นต้นว่า....
อย่าเป็นคนโลเล
อย่าเป็นคนเหลาะแหละลื่นไหล
อย่าเป็นคนพูดอะไรไม่ตรงตามที่คิด
อย่าเป็นคนทำอะไรไม่ตรงตามที่คิด
อย่าเป็นคนพูดโดยไม่คิดก่อนพูด
อย่าเป็นคนทำโดยไม่คิดก่อนทำ
อย่าเป็นคนจับจดไม่จริงจังไม่ตั้งใจ
อย่าเป็นคนวิตกจริต
อย่าเป็นคนขี้เกียจคิด
ทั้ง "9 อย่า" ที่กล่าวมานี้
ถ้าท่านว่างไปจากสิ่งนี้ได้ในชีวิตประจำวัน
จิตวิญญาณของท่านจะสั่นสะเทือนเต็มพลัง
ยังผลให้จิตใต้สำนึกพลอยมีพลังสูงขึ้นด้วย
5.ท่านต้องมีความสามารถ
ในการกำหนดจิตเพื่อการนึกและคิดให้เป็น
โดยฉลาดกำหนดนึกด้วยจิต
เพื่อการคิดอย่างชาญฉลาดด้วยสมอง
เพื่อสั่นสะเทือนจิตสามนึกให้ถูกต้องชัดเจน
จะได้สื่อกับจิตใต้สำนึกอย่างมีประสิทธิผล
ดังนั้น
ภาษาจิต (NLP) ที่สื่อสารกันในสองมิติ
จึงต้องชัดเจน เป็นรูปธรรมและเป็นจริงได้
มิใช่การหลอกลวงอย่างที่บางคนพยายาม
เพราะการหลอกตัวเองก็ผิดบาป
เป็นสิ่งต้องห้ามด้วยเหมือนกันแหละท่าน
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
31-07-2017
หมายเหตุ:
ต้องการเรียนรู้ต่อเนื่อง
โปรดแสดงตนเพื่อยกมือขึ้นอีกครั้ง