22 กรกฎาคม 2560

จิตใต้สำนึก 10


#อภิปรัชญา Meta-physics *************** พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย ระหว่าง การคิด วางแผน แล้วทำอย่างมีตรรกะในมิติโลก เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จใดๆที่ต้องการ กับการใช้พลังจิตใต้สำนึก เหนี่ยวรั้งความสำเร็จที่ต้องการมาให้ ในมิติทางจิตวิญญาณนั้น เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า เหตุแห่งการบรรลุเป้าหมาย ต้องมาจากจิตหยาบใช้จิตสามนึก สั่นสะเทือนตนเองให้เกิดการคิด การกระทำ และการวางแผน อย่างถูกต้อง เหมาะสม แยบยล เป็นเบื้องต้น การนั่งเฉยๆแล้วสั่งจิตใต้สำนึก เพื่อร้องขอให้ช่วยน้อมนำ ความสำเร็จที่ต้องการนั้นมาให้ มันไม่มีทางสำเร็จได้หรอก ถ้าท่านไม่ลงมือทำอย่างถูกต้อง อย่างสอดคล้องกับเป้าหมาย ความจริงที่จริงแท้มีอยู่ว่า มนุษย์ทุกคนต้องทำทุกสิ่งอย่าง ผ่าน #จิตสามนึกตนเอง เท่านั้น #จิตใต้สำนึก เขาจะสั่นสะเทือนตามเอง ไม่ต้องสั่งไม่ต้องไปยุ่งกับเขาเลย เพียงท่านสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึก กับการนึกคิดผิดถูกดีชั่วมั่วๆกันไป จิตใต้สำนึกเขาก็สั่นสะเทือนตาม เหมือน #รับคำสั่ง ของพวกท่านอยู่แล้ว จะต้องมี NLP กันอีกทำไมให้ผิดบาป NLP เป็นเพียงภาษาที่มนุษย์คิดขึ้น แล้วเรียกว่า "ภาษาจิตประสาท" เพื่อหมายใจว่าจะสื่อสารทางตรง กับ #จิตวิญญาณ ของตัวเอง โดยไม่ต้องใช้ "ภาษาจิตสามนึก" ผ่านการสั่นสะเทือนของจิตหยาบ ซึ่งเป็นการพยายามไม่ใช้จิตสามนึก ทั้งๆที่ตนเองก็เป็นคนสองมิติ ที่ต้องใช้จิตสามนึกร่วมกับจิตใต้สำนึก ในการดำเนินชีวิตประจำวัน จนตลอดชีวิตนี้กันอยู่แล้ว ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า การกระทำมักง่ายแบบแทรกแซง ขั้นตอนการทำงานของจิตสามนึก ร่วมกับจิตใต้สำนึกดังกล่าวนี้ เพื่อใช้พลังอำนาจพิเศษอันลี้ลับ น้อมนำความสำเร็จใดๆมาให้ท่าน โดยไม่สั่นสะเทือนจิตสามนึก เพื่อใช้อำนาจในมิติโลกทางกายภาพ ผ่านหนึ่งสมองกับสองมือสองเท้า เป็นแกนหลักในการกระทำอย่างทุ่มเท มันก็ไม่ต่างจากการที่ท่าน ไปต่อสายไฟตรงกับแบตเตอรี่รถยนต์ เพื่อนำเอาพลังงานไฟฟ้าออกมาใช้ โดยไม่ยอมติดเครื่องยนต์นั่นแหละ ท่านอาจใช้ไฟจากแบ็ตฯได้จริงๆ แต่ใช้ไปเรื่อยๆไฟก็จะอ่อนลงหรี่ลง จนในที่สุดไฟก็จะหมดแบ็ตฯ รถยนต์ก็จะสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด รถคันนั้นก็เคลื่อนไหวไปไหนๆไม่ได้ เท่ากับว่ารถของท่าน "จอดตายสนิท" มีสภาพดั่งเศษขยะวัตถุเท็คโนโลยี เพราะการติดเครื่องยนต์ของรถ ไม่ต่างจากการสั่นสะเทือนจิตสามนึกเลย ถ้าท่านทำทุกสิ่งในชีวิตประจำวัน ผ่านการกระทำด้วยจิตสามนึก จิตใต้สำนึกเขาก็จะสั่นสะเทือนตาม แปลว่าถ้ารถยนต์ติดเครื่องยนต์ไว้ แล้วใช้พลังงานไฟจากแบ็ตฯนั้น การรีชาร์จคือเติมเต็มส่วนที่ใช้ไป มันก็จะเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง พลังงานไฟในแบ็ตฯก็จะเต็มตลอด ไม่มีอะไรเสียหายไม่ต้องวุ่นวายเลย ดังนั้น ท่านจักต้องรู้เอาไว้ด้วยว่า ทำไมเราจึงไม่เห็นด้วยกับ NLP ที่อ้างว่าเป็นภาษาแห่งจิตประสาท เหตุผลข้อหนึ่งในหลายๆข้อก็คือ เพื่อนมนุษย์ผู้เป็นต้นคิดสร้างศาสตร์นี้ ยังอยู่ในช่วงทดลองวิจัยวิชาของเขาอยู่ โดยอาศัยคนไม่รู้เป็นดั่งหนูทดลองยา เพื่อค้นหาความจริงว่าแนวคิดของเขา ใช้การได้ดี ไม่มีปัญหาอันใดหรือไม่ ถ้าพบว่ามีปัญหาพวกเขาเองก็จะเลิกใช้ แต่พวกเขาอาจจะไม่เลิกขาย ให้คนอยากลองได้นำมาใช้หรอกนะ เพราะผลประโยชน์ตัวเดียวแท้ๆ ไม่ต่างจากทฤษฎีการจูงใจของฝรั่ง ทุกวันนี้เขาทราบดีแล้วว่า วิธีการจูงใจด้วยอำนาจเหนือ โดยเอารางวัลมาล่อทั้งด้านบวกและลบ มันทำให้ผู้คนไม่รู้ว่าจิตสามนึกคืออะไร มันทำให้ผู้คนยิ่งกิเลสหนาตัณหาเยอะ มันทำให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากกว่าส่วนรวม มันทำให้ผู้คนรักตัวเองและพวกตัวเท่านั้น รักคนอื่นไม่ได้ให้อภัยไม่เป็น ไม่รักส่วนรวม ไม่รักสังคม ไม่รักโลก มันทำให้มนุษย์เป็นเหมือนหุ่นยนต์ตัวหนึ่ง จะให้คิดทำอะไรต้อง "กดปุ่ม" ป้อนคำสั่งให้ทำอย่างเดียวทำเองไม่เป็น ตอนนี้...ฝรั่งประเทศต้นคิด เขาเลิกใช้กลวิธีจูงใจกันหมดแล้ว มีแต่ประเทศที่ยังล้าหลังกว่าตะวันตก มีแต่ผู้คนในประเทศที่มักง่าย ไม่ยอมใช้สติปัญญาเท่านั้นแหละ ที่อะไรๆก็เอาแต่จูงใจตะบี้ตะบัน ที่ยังใช้ทฤษฎีการจูงใจกันอยู่ จนทำให้โครงสร้างทางจิตใจของผู้คน อ่อนแอปวกเปียกไม่เอาไหน จนจิตสามนึกต่ำลงใกล้สัตว์ประจำโลก ที่ตนเองเอามาเลี้ยงดูเข้าไปทุกทีๆ การจะสร้างหลักสูตรสอนเด็กเพื่อปลูกฝัง ให้รู้จักการใช้จิตสามนึกในตนเองก็ไม่ได้ เพราะผู้ใหญ่เองแท้ๆก็ยังไม่รู้เลยว่า จิตสามนึกกับจิตใต้สำนึกมันคืออะไร จิตสามนึกกับจิตใต้สำนึกต่างกันอย่างไร มันทำงานร่วมกันอย่างไร ทุกวันนี้จึงเรียก #จิตสามนึก ว่า #จิตใต้สำนึก กันอยู่ตลอดมา นอกจากนั้น แทนที่จะช่วยกันคิดค้นหาหรือใส่ใจว่า ภาษาจิตสามนึกที่ควรทำผ่านจิตหยาบ อันเป็นภาษาจิตประสาทเหมือนกัน ที่มันจะสั่นสะเทือนจิตวิญญาณของตน ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตหยาบได้น่ะ ควรจะเป็นเช่นไร แบบไหน กลับไม่ยอมใส่ใจที่จะทำ กลับไม่ยอมใส่ใจที่จะรับฟังเรา พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย การที่ใครบางคน ไม่คิดจะลงมือทำด้วยจิตสามนึก แต่จะหลอกใช้จิตใต้สำนึกให้ทำแทน โดยสะเดาะกุญแจเข้าไป เพื่อหาทางใช้พลังอำนาจของแก่นแท้ ด้วยกระบวนการผิดธรรมชาตินั้น ก็มิใช่เรื่องง่ายดายนักหรอกนะ จะได้ผลจริงก็แค่บางเรื่องเท่านั้น แต่มันไม่คุ้มค่ากันกับการทำร้าย จิตวิญญาณตนเองให้เสื่อมพลังหรอก บางคนเมื่อไปเรียนวิธีสั่งจิตใต้สำนึกแล้ว กลับมาทำธุรกิจการงานของตนแต่เดิม แล้วเกิดประสบความสำเร็จขึ้นมาทันตา จึงเข้าใจว่าผลมาจากการสั่งจิตใต้สำนึก จนพากันหลงไหลในมายาศาสตร์ กับเจ้าลัทธิกันเป็นการใหญ่ นี่แน่ะ...เราจะบอกความจริงให้ 1.อบรมมาแล้วมิได้สำเร็จทุกคนดอกนะ 2.คนที่กลับมาแล้วสำเร็จทันตา ร่ำรวยขึ้นมาทันใจน่ะ มันมาจากการที่โครงสร้างทางจิตใจ หายไปจาก #การอ่อนแอ บ้างแล้ว 3.ความอ่อนแอของท่านเองต่างหาก ที่ทำให้คนเก่ง คนฉลาด และคนพร้อม อันเป็นคุณสมบัติดีๆที่ท่านมีอยู่ มันถูกนำออกมาใช้สร้างความสำเร็จ สร้างความร่ำรวยให้ท่านไม่ได้เต็มพลัง เพราะท่านเป็นคนกลัวๆกล้าๆ เพราะท่านขาดความมั่นใจในสิ่งที่ทำ เพราะท่านขาดความเชื่อมั่นในตนเอง เพราะท่านขาดความกล้าตัดสินใจ ความกลัว ความไม่เชื่อมั่น ความไม่มั่นใจ ทั้งสามสิ่งนี้ไงท่าน คือ #ความอ่อนแอไม่เอาไหน ท่านจึงต้องไปเสียเงินแพงๆ เพื่อไปเอาความอ่อนแอทั้งสามนี้ ออกไปจากจิตใจท่าน ทั้งๆที่ตัวท่านอ่อนแอ ก็เพราะท่านใส่ระหัสปิดล็อคตนเองไว้ เวลาจะถอดออกก็เอาออกเองได้ ไม่เห็นจะต้องให้ใครช่วยเอาออกให้ ไม่จำเป็นจะต้องจ่าย ค่าซื้อความฉลาดเลยสักบาทด้วยซ้ำ ท่านสังเกตสิ ตลอดหลักสูตรอบรมจำพวกนี้ ฝรั่งจะชี้นำให้ท่านคิดบวกต่อตนเอง ฝรั่งจะสอนให้ท่านมองคนที่แย่กว่า ฝรั่งจะสอนให้ท่านรู้สึกว่าทำสำเร็จแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่รู้วิธีที่จะทำให้สำเร็จ และในโลกของความจริง ท่านก็ยังพิชิตความสำเร็จนั้นไม่ได้ด้วย การที่ฝรั่งเขาสอนสั่งให้ท่านทำแบบนี้ ก็เพียงแค่ผลลัพธ์เดียวเท่านั้น คือ #ปลุกเร้าความเชื่อมั่นในตนเอง ให้คนฉลาด คนเก่ง และคนมีไฟเช่นท่าน เกิดการลุกโชติช่วงชัชวาลขึ้นมา นี่แหละ... เบื้องหลังความสำเร็จหลังผ่านการอบรม ด้วยเงินทองมากมายซึ่งน่าเสียดายยิ่ง เพราะแท้จริงนั้นท่านสำเร็จได้อย่างทันตา ก็ด้วยการสามารถทำลาย ความอ่อนแอในจิตใจตนเองลงได้แท้ๆ หาใช่ปาฏิหาริย์แห่งจิตใต้สำนึกไม่ ท่านทั้งหลายยังต้องรู้อีกว่า เหตุในการบรรลุเป้าหมายของมนุษย์ เช่น ความสำเร็จ ความร่ำรวยมั่งคั่งนั้น มันต้องได้มาจากทั้งสองจิตร่วมกันสั่น เพราะมนุษย์เป็นคนสองมิติ โดยใช้จิตสามนึกเป็นแกนนำ จะมีจิตใต้สำนึกคอยเป็นผู้รับใช้ท่านเอง ให้ท่านระวังจิตตปัญญาไว้ อย่าให้นึกชั่ว คิดชั่ว นึกผิดคิดบาป จิตใต้สำนึกจะทำผิดบาปตามไปด้วย ความซวยจะเป็นของจิตวิญญาณ ผู้เป็นตัวตนแท้จริงของท่านเอง ซึ่งเป็นผู้ข้ามมิติมาเกิดเป็นมนุษย์นี่แหละ จงอย่าอวดเก่งหลงตนเองว่าเจ๋ง หลงว่าทำรวยทำสำเร็จได้เอง ด้วยความสามารถทางปัญญา จงอย่าอวดว่าตนเฮง หลงว่าทำรวยทำสำเร็จได้เอง ด้วยอำนาจวาสนาอีกบุญญาจากอดีตชาติ ท่านต้องอาศัยปัจจัยทุกด้าน ทั้งทางโลกและทางจิตวิญญาณ ทั้งการกระทำที่ฉลาดและกล้าหาญ ทั้งบุญกุศลที่เคยก่อไว้หนุนนำ จะบอกว่าไหนสำคัญกว่าไม่ได้หรอกนะ เพราะมันสำคัญเท่ากันทั้งหมดเลย จะขาดอันใดสักอย่างนั้นไม่ได้แน่นอน เอเมน สาธุ ป.วิสุทธิปัญญา 22-07-2017