05 เมษายน 2559

เรื่องของ "ฌาน" และ "ญาณ"



เรื่องของ "ฌาน" และ "ญาณ"
*****************************
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

บนเส้นทางนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
ของฆราวาสผู้ใฝ่นิพพานนั้น
ท่านสามารถสร้าง "ฌาน" และ "ญาณ"
ให้ก้าวหน้าสู่ขั้นสูงสุดโดยมิต้องผ่าน
การปฏิบัติกรรมฐานทั้งวันคืนก็ได้
เพียงแค่ท่าน "ฉลาด" ดำเนินชีวิตเท่านั้น

โดยท่านจะต้องรู้ความจริงก่อนว่า
ทั้งฌานและญาณล้วนเป็นเครื่องมือสำคัญ
สำหรับผู้ใฝ่การหลุดพ้นทุกคนจักต้องใช้
มิใช่เฉพาะแต่นักบวช
ผู้ปลีกวิเวกไปจากทางโลกแล้วดอกนะท่าน

เพราะ "ฌาน" เป็นพลังอำนาจทางจิต
ที่เป็นเครื่องมือเพียงชิ้นเดียว
ที่จะช่วยให้ท่านเข้าถึง
พลังอำนาจทางปัญญาของสมอง
ที่เรียกว่า "ญาณ" 
หรือคำเต็มว่า "ปัญญาญาณ" ได้

พวกนักบวชเขาใช้กลวิธีสมถกรรมฐาน
ค่อยๆเพียรยกระดับการสั่นสะเทือนจิตตนเอง
ให้เข้าถึงการสั่นสะเทือนสูงขึ้นเรื่อยๆให้ได้
ด้วยวิธีการ "กำหนดจิต" หรือ กำกับจิต
ให้อยู่ภายใต้การกำกับควบคุมของตนให้ได้
ถ้ากำกับมันให้นิ่งสงบได้มากเท่าใด
แสดงว่าขณะนั้นจิตกำลังสั่นสะเทือน
เป็นคลื่นความถี่สูงมากเท่านั้น

จิตที่สั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่สูงมาก
จะเป็นจิตที่อยู่ในสภาวะสงบเป็นอันมาก
ซึ่งระดับความสงบมากนี่แหละที่เรียกว่า "ฌาน"
ถ้าสงบมากกว่าระดับฌานก็สูงกว่า

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
ความจำเป็นของท่านต่อการเข้าถึง
ทั้ง "ฌาน" และ "ญาณ"
ถ้าปรารถนาการหลุดพ้นแท้จริงนั้น
ก็เพราะสาเหตุว่า

1.ฌาน ซึ่งเป็นพลังอำนาจทางจิตนั้น
เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการขับเคลื่อน
กระบวนการสื่อสารสัมพันธ์ทางจิต
อันเป็นภาษาสากล
ระหว่างตัวท่านกับสรรพสิ่งใดๆในจักรวาล

ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการด้านการคิดรู้
กระบวนการด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล
กระบวนการถ่ายทอดพลังงานความรัก
จนแม้กระทั่งการเดินทางของจิตวิญญาณ
ในมิติที่สูงกว่ามิติโลกทางกายภาพ
ล้วนต้องใช้พลังอำนาจของจิต
เพื่อการขับเคลื่อนทั้งสิ้น

ดังนั้น
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
จะมีพลังอำนาจทางจิตวิญญาณได้
ก็ต่อเมื่อจิตหยาบของท่าน
สามารถเข้าถึงจิตที่เป็นสมถะ
ในสภาวะที่เรียกว่า "จิตสงบ" เท่านั้น

ซึ่งท่านฆราวาสทั้งหลายผู้มีเวลาน้อย
เพราะยังมีครอบครอบครัวยังมีสังคม
ที่ท่านจักต้องรับผิดชอบกันอยู่
จะสามารถสร้าง "ฌาน" ให้เกิดในตน
โดยมิต้องใช้วิธีของนักบวชก็ได้
เพียงแค่ท่านถือลูกแก้วสองดวง
ที่องค์จิตจักรวาลทรงประทานมาให้
ด้วยการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ขณะดำเนินชีวิตประจำวันเท่านั้นเอง

ลูกแก้วสองดวงที่ว่านี้ก็คือ
ดวงแรก หมายถึง ท่านต้องมีมหาสติ
นั่นคือ รู้สติ มีสติ และใช้สติ

ดวงที่สอง หมายถึง 
ท่านต้องมีปณิธานแห่งนิพพานชัดเจน
นั่นคือ รักได้ ให้เป็น ไม่ก้าวล่วงใคร
และใช้จิตตปัญญาดำเนินชีวิต
คือ คิดก่อนพูดหรือกระทำ
ตาม "ปริญญาโมเดล" ว่าด้วย 6 ถูก

อันประกอบด้วย...
ถูกคน ถูกวิธี ถูกที่ 
ถูกเวลา ถูกต้อง และถูกใจ
หากผิดข้อใดข้อหนึ่งในหกถูกนี้
ท่านจักต้องสงบระงับ
การแสดงออกหรือกระทำใดๆนั้นเสียทันที
มิเช่นนั้นจะเป็นการก่อกรรมใหม่ขึ้นมาได้

2.ญาณ ก็เป็นพลังอำนาจของสมอง
ที่แสดงออกมาในรูปของความฉลาด
ซึ่งต้องอาศัย "พลังของฌาน"
ช่วยสั่นสะเทือนเซลสมองของท่าน
ให้มันสั่นสะเทือนตาม
เพื่อสร้างพลังอำนาจทางปัญญาสูงสุด
ที่เรียกว่า "ญาณ" นั่นเอง

ดังนั้น
ถ้าท่านสามารถเข้าถึงระดับฌานสูงๆได้
มันจะทำให้ท่านฉลาดมากขึ้น
เพราะมีญาณสูงขึ้นโดยแท้

การยึดมั่นในการครอง "มหาสติ"
กับการยึดมั่นใน "ปณิธานแห่งนิพพาน"
ในการดำเนินชีวิตประจำวันของท่าน
มันจะช่วยให้ท่าน "จิตใสใจสวย" ขึ้นเรื่อยๆ
อันหมายถึงท่านจะมีสภาวะจิตสงบ
เข้าสู่โหมด "สุญตา" ได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยกระบวนการทางธรรมะ
ที่เป็นวิถีแห่งธรรมชาติโดยแท้

เราจึงจะกล่าวความจริงว่า
ถ้าท่านยอมรับว่าธรรมะคือธรรมชาติแล้ว
การยกระดับจิตตปัญญา
ให้เกิดฌานกับญาณในชีวิตประจำวัน
ซึ่งเราเรียกว่า "ธรรมชาติสมาธิ" นี้
จึงเป็นมรรควิถีธรรมชาติที่แท้จริง

คนมีฌาน คือ ผู้ที่จิตวิญญาณพร้อมหลุดพ้น
เพราะมีพลังอำนาจเหลือเฟือที่จะดีดตนเอง
ออกไปจากแรงดึงดูดของเอกภพทั้งระบบ
กลับคืนบ้านเกิดเมืองนอนทางจิตวิญญาณ
ที่เรียกว่าแดนสุญตาหรือแดนนิพพาน
ดินแดนของผู้อิ่มเอิบอยู่กับความว่างเปล่าได้

นอกจากนั้นพลังของฌาน
ที่ช่วยให้เกิดพลังของปัญญาญาณได้
ก็จะยังผลให้ท่านฉลาดคิด 
ฉลาดตัดสินใจในบททดสอบต่างๆ
และฉลาดในการเรียนรู้โลก
ซึ่งมันจะช่วยให้ท่านสามารถที่จะ
ไม่ก่อกรรมใหม่ให้เกิดกรรมเวร
ที่มันจะสะท้อนกลับมาเป็น "เวรกรรม"
ให้ท่านต้องมารับผิดชอบในชาติหน้าอีก

อีกทั้งมันยังจะช่วยให้ท่าน
แก้ไขผลกรรมเก่าๆที่เคยก่อไว้ได้ด้วย
เพราะว่าท่านฉลาดดำเนินชีวิต
ด้วย "ญาณ" หรือ ปัญญาญาณ
ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมดีงาม
อันหมายถึงการ "หลุดพ้น" 
หรือว่านิพพานได้อย่างสิ้นเชิงนั่นแหละ

เพราะจิตที่สงบ คือ จิตสุญตานั้น
ต้องเกิดจาก "จิตสามนึก" หรือ จิตสำนึก
ที่เข้าถึงสภาวะแห่งจิตใสใจสวยได้
จนเป็นคุณสมบัติทางจิตของท่านไป
กับจิตวิญญาณที่มีผลกรรมต่ำกว่า 30% 
เพราะไม่ก่อกรรมใหม่
และแก้ไขกรรมเก่าในชีวิตประจำวันได้

ทั้งสองประการที่กล่าวไว้นี้
นับเป็นคุณสมบัติหลักและสำคัญ
ที่จิตหยาบของท่าน
จักต้องให้รางวัลแก่แก่นแท้
หากปรารถนาจะนิพพานอย่างแท้จริง

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-4-2016