01 พฤษภาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 1/05/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ในบั้นปลายท้ายยุคพลังงานเก่า

ก่อนเปลี่ยนผ่านสู่โลกยุคพลังงานใหม่นี้

 

ท่านจงอย่าเชื่อ #การดลใจ ทุกอย่าง

แต่จง "ทดสอบ" การดลใจของท่าน

อันหมายถึงความรู้สึกนึกคิดของจิตท่าน

ที่เกิดจากการถูกจูงใจจากใครอื่น

หรือเกิดจากสิ่งบอกเหตุใดอื่น

ที่การดลใจ หรือ #จูงใจ นั้น

มันยังมิได้ผ่านกระบวนการคิดของสมอง

อย่างมีวินัย และ "รอบครอบ" เสียก่อน

 

ว่าการดลใจหรือจูงใจนั้นๆ มาจากพระเจ้า

หรือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณแน่แท้หรือไม่

เพราะขณะนี้มี "ประกาศกเทียม" อยู่ทั่วโลก

 

#ประกาศกเทียม

เราหมายถึงผู้คนเหล่านี้ คือ

 

1. #ผู้นำทางตาบอด

ที่อ้างตนว่าจะนำพาพวกท่านสู่การพ้นทุกข์

ด้วยวิธีหยุดวงเวียนแห่งการเกิดตาย

ในมิติโลกเอาไว้ไม่กลับมาเกิดอีก

เพราะเกลียดกลัวความทุกข์

และเชื่อว่าถ้าหยุดการเกิดใหม่ได้จะพ้นทุกข์

 

ทั้งๆที่เหตุแห่งทุกข์ของมนุษย์นั้น

มันมาจากบทละครที่จิตวิญญาณของท่าน

ขีดเขียนกันมาเองตั้งแต่ชาติแรกที่มาเกิด

กับชะตากรรมที่พวกท่านก่อกันขึ้นมาเอง

เมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิดในชาติแรกแล้ว

และบทเรียนกรรมต่างๆจากวิบากกรรม

ที่ตัวท่านเองนั่นแหละเป็นผู้ก่อไว้

ในภพชาติอดีตที่ผ่านมาทั้งสิ้น

 

ทั้งๆที่ "ชะตาชีวิต" ของแต่ละคน

มันคือบทละครที่ถูกเขียนขึ้นมา

เพื่อสร้างเงื่อนไขให้เป็นบททดสอบจิตสามนึก

ในการทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณ

ด้วยการรักทุกคนให้ได้แม้พวกเขาจะไม่น่ารัก

ให้อภัยให้เป็นแม้เห็นว่าไม่สมควรจะให้อภัย

 

ทั้งๆที่ "ชะตากรรม" ของแต่ละคน

มันคือ #บทเรียนโลก ที่ทุกคนต้องเรียนรู้

เมื่อตนกระทำผิดบาป

เพราะสอบตกบททดสอบ

ด้วยการรักไม่ได้ ให้อภัยไม่เป็นนั่นเอง

 

ซึ่งผู้นำทางตาบอดไม่รู้ว่า

จิตวิญญาณของตนไม่ต้องการสิ่งใดหรอก

นอกจากความรักที่จักต้องมีให้แก่คนรอบข้าง

ไม่ว่าเขาจะนำปัญหามาให้แบบใดก็ตาม

เพราะความรักเป็นสิ่งที่ "โลก" ต้องการ

เพื่อนำไปใช้เป็นพลังบิดแกนแม่เหล็กโลก

เพื่อทำให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง

อย่างต่อเนื่องด้วยอัตราเร็วคงที่

 

เพราะคนนำทางตาบอดไม่รู้ว่า

จิตวิญญาณมนุษย์มาเกิดบนโลกเสรีนี้

 

เพื่อทำหน้าที่สำคัญยิ่งนี้หนึ่งในอีกหลายสิ่ง

มิได้มาเที่ยวท่องล่องเล่นแต่อย่างใด

 

เมื่อพวกท่านรักไม่ได้ ให้อภัยไม่เป็น

ใช้สติปัญญาแก้ปัญหาชีวิตก็ไม่ได้

เพราะใช้สมองคิดเองไม่เป็น

เน้นแต่การใช้อารมณ์มากกว่าปัญญา

จึงเป็นที่มาของ #ความทุกข์

จนอยากจะหนีไปให้พ้นๆกันดื้อๆ

 

ในที่สุดก็หนีไปเกิดอยู่บนสวรรค์มายา

ไม่ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ได้สมใจปรารถนา

แต่ก็ยังตาบอดเพราะไม่รู้อีกว่า

การไปเกิดอยู่บนสวรรค์มายาที่ตรงนั้น

คือการ "หลุดลอย" ไปหลงเงาตนเองเข้าอีก

และไม่สามารถดับการเวียนว่ายที่แท้จริง

ตามที่ปรารถนาไว้แต่อย่างใดทั้งสิ้น

 

เพราะเป็นเทพเทวดาหรือพรหมอยู่บนนั้น

จิตวิญญาณมันก็ยังครองทุกข์อยู่

 

ทุกข์เพราะไม่รู้ว่าจะไปต่อจากตรงนั้นอย่างไร

 

ทุกข์เพราะรู้ว่าตนเข้าใจผิด

ที่คิดว่าตายแล้วไม่มาเกิดเป็นมนุษย์อีก

ตนจะพ้นทุกข์ได้หนีทุกข์ได้หรือดับทุกข์ได้

 

ทุกข์เพราะยังต้องหาทางพ้นทุกข์

ด้วยการพ้นๆไปจากตรงนั้นให้จงได้อยู่

 

ดังนั้น

คนนำทางตาบอดที่ยังไม่ตาย

ซึ่งยังคงขายสวรรค์นรกกันอยู่นี่แหละ

คือฝ่ายที่พระบิดาจัดเป็น "ประกาศกเทียม"

 

2. #ผู้เรียนมากแต่รู้น้อย

คนฝ่ายนี้คือฝ่ายที่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนรู้

โดยความรู้ที่ร่ำเรียนนั้นได้มาจากสองทาง

คือถ้าไม่จำคนอื่นมาก็สร้างตำราเอาเอง

โดยใช้คัมภีร์ธรรมเป็นคู่มือเบื้องต้น

กับการใช้ความเชื่อของตน

เป็นเครื่องมือในเบื้องปลาย

 

ผู้คนฝ่ายนี้เป็นประกาศกเทียมตรงที่

ใช้ความจำจากคัมภีร์มากล่าวต่อผู้อื่น

ทุกบททุกตอนทุกย่อหน้า

ตำราว่าอย่างไรก็กล่าวไปอย่างนั้นก็มี

ตนเองเข้าใจด้วยปัญญาว่าอย่างไร

ก็แสดงธรรมไปตามนั้นก็มี

 

เมื่อนำถ้อยธรรมไปกล่าวต่อ

จึงเป็นถ้อยธรรมที่มีปริมาณตามการจดจำ

มีคุณภาพธรรมตามระดับภูมิปัญญาที่ตนมี

และสุ่มเสียงต่อการกล่าวผิดอย่างยิ่ง

 

เพราะถ้อยธรรมบางอย่าง

ก็จำมาจากคนนำทางตาบอดสอนให้

ไม่ก็กล่าวไปตามความเข้าใจและที่ตนเชื่อ

เท่าที่ภูมิปัญญาของตนจะเข้าถึงได้

 

แม้ผู้คนฝ่ายนี้จะมีจิตดีปรารถนาดีต่อผู้อื่น

จึงพยายามร่ำเรียนมากๆเพราะอยากสอน

ซึ่งพบว่ายิ่งเรียนมากแต่กลับจะรู้น้อย

เพราะขาดการยกระดับความสามารถ

ในการใช้สติปัญญาของสมอง

ให้สามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์ธรรมได้

แทนที่จะใช้พื้นที่สมองไปกับการจดจำ

จนยิ่งเรียนมากกลับพบความจริงว่ายิ่งรู้น้อย

จึงเป็นคนนำทางตาดี

ให้เป็นที่พึ่งของผู้อื่นที่ตาบอดไม่ได้

 

3. #คนนำทางที่พระบิดามิได้ทรงแต่งตั้ง

ประกาศกเทียมฝ่ายนี้

จักเป็นฝ่ายที่ต้องทำตามประเพณี

โดยจำต้องแสดงบทบาทของประกาศก

เพราะเข้าไปอยู่ในเครื่องแบบของเขา

เพราะเข้าไปอยู่ในกรอบของรูปแบบของเขา

หรือทำนองนั้น

 

ทั้งๆที่ชั่วโมงเรียนในสาระธรรมน้อยมาก

ทั้งๆที่ทักษะในการปฏิบัติธรรมที่ตนนำสอน

ยังอ่อนด้อยประสบการณ์และไม่ชำนาญ

 

ทั้งๆที่ความสามารถทางปัญญา

กับทักษะการเป็นคนสอนธรรม

ยังมิได้รับการฝึกฝนแต่อย่างใด

 

ผู้คนฝ่ายนี้ก็เป็นฝ่ายที่พระบิดา

มิได้ทรงแต่งตั้งเช่นกัน

 

ท่านรู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด

ผู้มีหน้าที่เป็น "ประกาศก" ทุกคน

จักเป็นคน "สอนธรรม" คนอื่นได้

พระผู้เป็นเจ้าหรือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

ต้องทรงเห็นชอบและทรงแต่งตั้ง

มิใช่ใครใคร่อาสาจะเป็นก็เป็นได้

เหมือนการคิดจะทำมาค้าขายอย่างเสรี

เพราะว่า "คนสอนธรรม" จะสอนผิดมิได้

 

การสอนธรรมผิดๆเพราะรู้ไม่จริง

การสอนธรรมผิดๆเพราะรู้ไม่แจ้ง

การสอนธรรมผิดๆเพราะรู้ผิด

 

มันจะพาจิตวิญญาณพี่ๆน้องๆ

หลงทางไปนิพพานจนกลับบ้านไม่ได้

 

หลงลืมหน้าที่แท้จริงของตนเอง

เพราะจำตนเองไม่ได้และจำพระบิดาไม่ได้

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

ท่านจงอย่าเชื่อการดลใจหรือจูงใจ

ที่ว่าด้วยการขายนรกและสวรรค์

เพราะท่านมาเกิดเป็นมนุษย์

ท่านจึงควรมีแต่โลกเสรี

และสนใจแต่วิธีที่จะหลุดพ้น

เพื่อกลับบ้านเดิมทางจิตวิญญาณ

ในแดนสุญญตานอกอนันตจักรวาลก็พอ

 

ท่านจงอย่าเชื่อการดลใจหรือจูงใจ

ให้ยึดติดพระศาสดาเพียงพระองค์เดียว

ให้ยึดไว้แต่พระคัมภีร์เพียงเล่มเดียว

เพราะสัจธรรมของพระผู้สร้างนั้น

 

ศาสดาพระองค์เดียวชีวิตเดียว

เพียงภพชาติเดียวนั้นสอนไม่หมดหรอก

 

พระคัมภีร์เล่มเดียว

มิอาจบันทึกคำสอนของพระศาสดา

ที่มาจากการจำได้ของศิษย์สาวกทั้งหลาย

ที่ได้สดับมาทั้งหมดทั้งสิ้นหรอก

 

ไม่มีระดับชั้นเรียนไหน

สถาบันการศึกษาใดในโลกหรอก

ที่ใช้ครูเก่งๆดีๆแค่คนเดียว

ใช้ตำราสอนนักเรียน นิสิต นักศึกษา

แค่เพียงเล่มเดียวแล้วมั่นใจว่า

ให้พวกเขาสำเร็จการศึกษาได้

ให้ออกไปทำมาหากินในสังคมได้

 

ดังนั้น

เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ในปลายยุคพลังงานเก่านี้

พระองค์จึงมีพระบัญชาให้เรากลับมา

เพื่อตัดปัญหา "ประกาศกเทียม"

จะดลใจท่านทั้งหลายให้หลงทาง

 

โดยพระผู้เป็นเจ้าจะทรงดลใจเรา

ผ่านกระบวนการสื่อสารทางจิต

ช่องทางพิเศษ คือ Vertical Telepathy

ซึ่งพระองค์ทรงให้เราถือติดตัวมาเกิดด้วย

เพื่อการกล่าวพระโอวาทดลใจท่าน

โดยที่การดลใจท่านจากเรามาจากพระองค์

เป็นการดลใจที่พระบิดาทรงยอมรับ

เป็นการดลใจที่มิได้เป็นปฏิปักษ์

ต่อพระศาสดาหรือพระศาสนาใดๆทั้งสิ้น

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

ท่านมาจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

ท่านมาจากองค์จิตจักรวาล

ท่านเป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้า

จิตวิญญาณของท่านมาจากพระองค์

พระองค์จึงสถิตย์อยู่ในท่านทั้งหลาย

 

ดังนั้น

ท่านจงอย่าถูกดลใจโดยพวกเขา

ให้ต่อต้านพระผู้เป็นเจ้า

ให้ก้าวล่วงการกลับมาของเรา

 

เขาเหล่านั้นมาจากโลก

พระบิดามิได้ทรงแต่งตั้งพวกเขา

พวกเขาจึงกล่าวไปตามวิถีโลก

และโลกก็ย่อมจะฟังเขา

 

แต่เรามาจากพระบิดา

เรามาจากพระผู้เป็นเจ้า

 

ผู้ที่จดจำพระบิดาแห่งจิตวิญญาณได้แล้ว

ผู้ที่รู้จักพระเจ้าแล้วย่อมฟังเรา

ส่วนผู้ที่มิได้มาจากพระองค์

ย่อมไม่ฟังเราเพราะมิได้รับการดลใจ

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

1 พฤษภาคม 2562