27 เมษายน 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 27/04/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

การที่จิตวิญญาณ

ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่าน

ขันอาสา #องค์จิตจักรวาล

พระผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณมนุษย์ทุกคน

พากันเดินทางข้ามมิติเข้ามาในเอกภพ

มาเกิดเป็น "คนสองมิติ" บนโลกเสรีนี้

แล้วก็ "คน" ตนเองให้เป็น "#มนุษย์"

เพื่อทำหน้าที่ตาม #พันธะสัญญา_6 นั้น

 

ท่านทั้งหลายจึงมีหน้าที่ต้องสอบให้ผ่าน

บททดสอบจิตสามนึกทุกรูปแบบ

ที่คนรอบข้างของท่านในทุกหนแห่ง

จะพากันหยิบยื่นมาให้อย่างมิได้ว่างเว้น

เพื่อช่วยให้ท่านยกระดับจิตและปัญญา

จนสั่นสะเทือนเสมอกันกับจิตวิญญาณ

ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของตนเองได้

ในลักษณะของเงื่อนไขทั้งบวกและลบ

เป็น "เครื่องมือ" ในการผ่านบททดสอบ

 

สำหรับบททดสอบที่มนุษย์จักต้องเผชิญ

เพื่อยกระดับจิตและปัญญาของสมองนั้น

จะแบ่งออกเป็นสองภาคส่วนด้วยกัน

คือ การยกระดับความฉลาดทางปัญญา

กับการยกระดับความฉลาดทางจิตใจ

ซึ่ง "บททดสอบ" ทั้งสองด้าน

เพื่อการพัฒนาให้ก้าวหน้าจนถึงขั้นสูงสุด

มันมักจะมาทดสอบมนุษย์พร้อมกันเสมอ

 

พระบิดาทรงทราบดีว่า

ถ้ามนุษย์จะยกระดับสติปัญญาให้สูงได้

มนุษย์ก็ต้องมี "ปัญหา" รายวัน

ทั้งเก่าใหม่ใหญ่เล็กให้ได้ขบคิดได้ตัดสินใจ

ทั้งปัญหาชีวิตและปัญหาด้านกิจการงาน

มากน้อยก็ต่างกันไปในแต่ละวันในแต่ละคน

 

ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วไม่มีปัญหาในชีวิต

ถ้ายิ่งเจอปัญหามากก็จะยิ่งฉลาดมาก

เพราะ "#ปัญหา" เป็นบ่อเกิดแห่ง #ปัญญา

 

เมื่อมนุษย์คนนั้นๆมีปัญญาสูง

ก็จะมีความสามารถในการคิดสูง

จะเป็นคนที่ฉลาดในการมองโลก

ฉลาดเรียนรู้ ฉลาดคิด ฉลาดแก้ปัญหา

ฉลาดในการใช้กลไกอายตนะและอวัยวะ

อันหมายถึงฉลาดในการเป็นมนุษย์

และฉลาดดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมนั่นเอง

 

นี่จึงเป็นหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญ

ที่มนุษย์ทุกคนจักต้องเข้าถึงกันให้ได้

มิเช่นนั้นท่านก็จะไม่สามารถ

ทำหน้าที่ในพันธะสัญญา 6

ตามที่ได้ให้สัจจะต่อพระบิดาไว้ว่า

จะทำให้สำเร็จลุล่วงให้จงได้

เมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์

 

แต่น่าเสียดายที่หลายคน

เมื่อเผชิญกับปัญหาซึ่งเป็นบททดสอบ

เพื่อช่วยยกระดับความสามารถในการคิด

ไม่ว่าจะเป็นการคิดวิเคราะห์แยกแยะ

เพื่อเรียนรู้ตนเอง ชีวิต โลก และจักรวาล

การใช้ปัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาที่เผชิญ

การใช้ปัญญาเพื่อพิจารณาและตัดสินใจ

การใช้ปัญญาเพื่อการคิดสร้างสรรค์

 

#กลับมองปัญหาว่าเป็นที่มาแห่งทุกข์

จึงพากันเกลียดกลัวปัญหาในชีวิต

จึงมองไม่เห็นคุณค่าของปัญหา

จึงพากันรังเกียจปัญหาและกลัวปัญหา

จึงพากัน "หนีปัญหา" ด้วยการละทิ้งสังคม

แล้วหันไป #ปลีกวิเวก แทน

เหมือนอยากจะไปสวรรค์คนเดียว

 

จนผู้นำทางจิตวิญญาณหลายๆคน

ต้องตกอยู่ในสภาพ #คนนำทางตาบอด

ที่ชักนำคนตาบอดทั้งหลายให้หนีทุกข์

หรือหนีปัญหาทั้งหลายในชีวิตไปอยู่ป่า

ก็เพราะ "หลงทุกข์ หลงธรรม" นี่แหละ

 

จึงยังผลให้มีมนุษย์โลกอยู่มากมาย

ที่ไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญา

ของสมองทั้งสองซีกของตนเองได้

คนส่วนใหญ่จึงคิดเองไม่เป็น

ได้แต่ท่องจำและทำตามผู้อื่นเสียมากกว่า

สาเหตุเพราะมัวแต่จะหนีทุกข์หนีปัญหา

หรือไม่ก็มักจะวานให้คนอื่นคิดแทน

ด้วยการนำเอาปัญหาของตนไปถามคนอื่น

เพื่อให้เขาช่วยคิดตัดสินใจแทนนั่นเอง

 

เมื่อส่วนใหญ่หนีปัญหาพากันหนีทุกข์

คนส่วนใหญ่จึงรักคนไม่น่ารักไม่ได้

จึงให้อภัยแก่คนไม่น่าให้อภัยไม่เป็น

เพราะไม่ฉลาดคิดหาคำตอบดีๆให้ตนเอง

เพื่อให้ตนเองยอมรับและจำนนให้จงได้ว่า

 

ท่านน่ะจะมองเห็น "คุณค่า"

ในสิ่งที่ "ไร้ค่า" ได้อย่างไรหนอ

ท่านจะรักคนที่ไม่น่ารักได้อย่างไรบ้าง

ท่านจะอภัยคนที่ไม่น่าให้อภัยได้อย่างไรกัน

 

คำถามเหล่านี้

ต้องเป็นคนฉลาดคิด ฉลาดใช้ปัญญาเท่านั้น

จึงจะสามารถคิดรู้ เข้าใจ และเข้าถึง

คำว่า #รักเพื่อให้ ที่ว่านี้ได้อย่างแท้จริง

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ทุกปัญหาที่คนรอบข้างยื่นมาให้ท่าน

มันก็คือบททดสอบปัญญาของท่านนั่นเอง

 

นอกจากบททดสอบสติปัญญา

ซึ่งเป็นความฉลาดทางสมองที่ว่านี้แล้ว

ในทุกบททดสอบที่ท่านเผชิญ

มันจะมีบททดสอบจิตใจของท่านปนอยู่ด้วย

เพื่อช่วยยกระดับสภาวะจิตมนุษย์ของท่าน

ควบคู่กันไปด้วย

 

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า

เมื่อใดก็ตามที่ท่านต้องเผชิญปัญหา

ซึ่งปัญหาทุกปัญหามันคือบททดสอบ

จิตมนุษย์ของท่านมักจะสั่นสะเทือน

เป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดตอบสนองเสมอ

 

ถ้าท่านสอบตก คือ

ปล่อยให้จิตใจของท่าน

ตกเป็นทาสของสิ่งเร้าที่เป็นบททดสอบ

จนเกิดเป็นอารมณ์ขยะรายวันขึ้นมา

ท่านก็จะเป็นคนมืดบอดทางปัญญาไปทันที

เพราะอารมณ์รู้สึกนึกคิดที่เป็นขยะที่เกิดขึ้น

มันจะปิดกั้นการใช้ปัญญาของสมองไว้

ทำให้ท่านรักคนไม่น่ารักไม่ได้

ให้อภัยคนที่ไม่น่าให้อภัยก็ไม่เป็น

จะทำอะไรโง่ๆมากกว่าจะฉลาดดำเนินชีวิต

 

ดังนั้น

ในชีวิตประจำวันของท่านทั้งหลาย

จึงมากมีด้วยบททดสอบทั้งสองมิติ

คือ บททดสอบอารมณ์ของจิตใจ

และบททดสอบการใช้สติปัญญาของสมอง

 

ถ้าท่านจะผ่านบททดสอบจิตใจ

ท่านก็จะต้องเอาชนะจิตใจที่ใฝ่ต่ำ

โดยต้องไม่ตกเป็นทาสกิเลสตัณหาเด็ดขาด

เมื่อจิตใจท่านว่างไปจากกิเลสตัณหาได้

ท่านจึงจะสามารถเข้าถึงความรักบริสุทธิ์

อันเป็นธาตุแท้ของจิตวิญญาณของท่านได้

นั่นคือ "รักเพื่อให้" มิใช่รักเพื่อเอา

ซึ่งท่านต้องใช้สติปัญญาของสมอง

ควบคุมการสั่นสะเทือนของจิตด้านบวก

ให้เป็นธรรมชาติของท่านเองให้จงได้

 

นี่แหละจึงเป็นที่มาของแก้วสองดวง

คือ มหาสติ และ ปณิธานแห่งการหลุดพ้น

ที่พระบิดาทรงมีพระเมตตา

ประทานผ่านเรามาให้แก่ท่านทั้งหลาย

ได้ถือครองและใส่ใจปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

เพื่อการ "หลุดพ้น" ให้ได้ในชาตินี้

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

27-04-2019