13 เมษายน 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 13/04/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

เมื่อไม่กี่ราตรีที่ผ่านมา

เราได้กล่าวให้สติทางวิญญาณ

แก่ท่านทั้งหลาย

ในห้องเรียน "ป.วิสุทธิปัญญา"

โดยมีถ้อยความว่า...

 

"มานั่งตรงหน้าเราเพื่อฟังคำ

แต่ไม่นำไปปฏิบัติ

ยังแสดงความภักดีต่อพระบิดา

ด้วยริมฝีปาก

แต่จิตใจยังมีสนิมอธรรมอยู่

ก็มิใช่ประชากรของพระองค์"

 

ผลปรากฏว่า

มี "แกะดำ" ตัวหนึ่งเดินพลัดหลงเข้ามา

พร้อมกับรำพึงรำพันดังๆอย่างลำพองว่า

 

"คนหว่านเมล็ดพันธ์

หว่านตกที่หินบ้าง กิ่งไม้บ้าง

ที่ทรายบ้าง ที่ดินดีบ้าง

เมล็ดพันธ์นั้นแตกหน่อบ้าง

ไม่แตกหน่อบ้าง จะสนทำไม"

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ถ้อยความที่ "แกะดำ" รำพันอย่างลำพองนี้

เราพอถอดความหมายได้ความว่าดั่งนี้

 

1. "แกะดำ" มองว่า "เรา"

เป็นดั่งเกษตรกรคนหว่านเมล็ดพันธุ์

 

2. แล้ว "แกะดำ" ก็สอนเราว่า

 

เมื่อหว่านเมล็ดพันธุ์ไปแล้ว

เมล็ดพันธุ์บางเมล็ด

อาจไปตกบนก้อนหิน

อาจไปติดค้างอยู่บนกิ่งไม้

อาจไปหล่นอยู่บนทราย

อาจไปตกอยู่บนดินดี

 

3. เมล็ดพันธุ์ที่หว่านลงไป

บางเมล็ดก็แตกหน่อบ้าง

บางเมล็ดก็ไม่แตกหน่อ

จะไป "สนใจ" ทำไม

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

เราจึงจะขอกล่าวความจริงเพื่อโต้ "แย้ง"

แสดงการตอบสนอง "แกะดำ" ว่า

 

1. เราขอปฏิเสธว่า

เรามิใช่เกษตรกรคนที่หว่านเมล็ดพันธุ์

อย่างที่ "แกะดำ" คิดแต่อย่างใด

 

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า

#จิตวิญญาณ แก่นแท้ของมนุษย์ทุกคนนั้น

ก็ไม่ต่างจากเมล็ดพันธุ์ชั้นดี

ที่พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

คือ #องค์จิตจักรวาล

ทรงเป็นผู้นำมาหว่านเพาะ

เพื่อให้มีการเจริญพันธุ์บนแผ่นดินโลก

 

โลกเสรีที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น

ให้เป็นแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ยิ่ง

ซึ่งเหมาะสมแก่การดำรงอยู่ของทุกๆรูปธรรม

และเหมาะแก่การเจริญเติบโตงอกงาม

ของจิตวิญญาณทั้งหลาย

ที่ทรงนำมาหว่านไว้ตั้งแต่หกหมื่นปีเศษแล้ว

 

ดังนั้น

หน้าที่หว่าน "เมล็ดพันธุ์" ตามที่ "แกะดำ" กล่าว

จึงเป็นหน้าที่อันทรงเกียรติของพระบิดา

มิใช่หน้าที่ของเราแต่อย่างใด

 

2. ตามที่ "แกะดำ" ผู้ลำพอง

กล่าวสอนเราเอาไว้ว่า

 

"เมื่อหว่านเมล็ดพันธุ์ไปแล้ว

เมล็ดพันธุ์บางเมล็ด

อาจไปตกบนก้อนหิน

อาจไปติดค้างอยู่บนกิ่งไม้

อาจไปหล่นอยู่บนทราย

อาจไปตกอยู่บนดินดี"

 

คำกล่าวเหล่านี้จึงเป็นการ "หลงผิด"

เพราะเป็นการมองเยี่ยง #คนตาบอด

นั่นคือมองไม่เห็นความจริง

สาเหตุที่มองไม่เห็นความจริง

เพราะมิได้พิจารณาด้วยปัญญานั่นเอง

 

เราจึงขอกล่าวความจริง

ในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาล

พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวง

พระผู้สร้างทุกสิ่งในจักรวาลอันไพศาลนี้ว่า

 

พระองค์เป็นพระผู้สร้างแผ่นดินโลก

ให้เป็นแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์เอาไว้

ก่อนที่จะทรงนำเอา "เมล็ดพันธุ์" ที่คัดสรร

คือ จิตวิญญาณจากแดนสุญตามากมาย

ให้เดินทางข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์

โดยพระองค์ทรงทราบดีว่า

จิตวิญญาณเมล็ดพันธุ์ของพระองค์ชนิดใด

จะถูกหว่านลงตรงพิกัดใดบนแผ่นดินโลก

จึงจะสามารถเจริญเติบโตงอกงามได้

 

ทั้งเขตร้อน เขตหนาว เขตอบอุ่น

หรือเขตแห้งแล้งแบบทะเลทราย

จิตวิญญาณใดเหมาะจะไปเติบโตตรงที่ใด

ล้วนพระองค์ทรงจัดสรรได้อย่างเหมาะสม

 

พระองค์มิทรงหว่านเมล็ดพันธุ์แบบมักง่าย

แต่พระองค์ทรงพิถีพิถันในการหว่าน

มากกว่าการคิดแบบจิตมนุษย์

หรือคิดตามที่แกะดำคิด

 

ทุกพื้นที่ซึ่งพระองค์ทรงหว่านเมล็ดลงไป

ล้วนเป็นพื้นที่ๆทรงคัดสรรและเตรียมการ

เพื่อการเพาะปลูกเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

มิได้ทรงหว่านอย่างสะเปะสะปะ

ดั่งเกษตรกรไร้ทักษะและไม่เป็นมืออาชีพ

เมล็ดพันธุ์ของพระองค์ที่ทรงหว่าน

จึงไม่มีเมล็ดพันธุ์เมล็ดใดเลยที่จะตกลงไป

บนพื้นที่อันไม่เหมาะสมแก่การเติบโต

 

ดังนั้น

สิ่งที่ "แกะดำ" คิดจึง "หลงผิด"

เหตุเพราะ #วิตกจริต มากเกินไปหน่อย

และเป็นไปเพราะไม่รู้ว่า "ใครหว่าน" โดยแท้

 

นอกจากนั้น

พระบิดาผู้ทรง "รัก" บรรดาพระจิตวิญญาณ

ซึ่งเป็นบุตรของพระองค์มาก

จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะทรงละเลย

ไม่ใส่ใจในความเป็นอยู่ของบุตรทุกคน

โดยไม่จัดเตรียมแผ่นดินที่จะทรงเพาะปลูก

เอาไว้ให้อย่างเหมาะสมที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

3. นอกจากนั้น

"แกะดำ" ยังกล่าวอีกว่า

 

"เมล็ดพันธุ์ที่หว่านลงไป

บางเมล็ดก็แตกหน่อบ้าง

บางเมล็ดก็ไม่แตกหน่อ

จะไป "สนใจ" ทำไม"

 

เราจึงจะกล่าวความจริงให้รู้ว่า

มีแต่เกษตรกรโง่ๆเท่านั้นแหละ

ที่จะหว่านเมล็ดพันธุ์อย่างสะเปะสะปะ

โดยไม่สนใจว่าเมล็ดพันธุ์ที่ตนหว่านนั้น

มันจะไปตกลงที่ตรงไหน

 

จะหว่านตกลงบนหิน บนทราย

จะหว่านตกลงไปติดค้างอยู่บนกิ่งไม้

หรือว่าหว่านตกลงไปบนดินดี

ก็ไม่สนใจใยดีอะไร

ไม่สนใจว่าจะ "คุ้มค่า" การลงทุนหรือไม่

 

สำหรับพระองค์นั้น

ทรงมั่นพระทัยเสมอว่า

ดาวโลกเสรีเป็นแผ่นดินที่สมบูรณ์พร้อม

เหมาะแก่การมาเกิดเป็นมนุษย์

ของจิตวิญญาณทั้งหลาย

ที่พระองค์ทรงอนุญาตให้มาเกิดแน่นอน

 

นอกจากนั้น

พระองค์มิได้ทรงมีความคิด

แบบ "แกะดำ" อีกด้วยที่ว่า

"ไม่สน" กับการแตกหน่อของเมล็ดพันธุ์

โดยเมล็ดใดจะแตกหน่อไม่แตกหน่อ

คนปลูกอย่าง "แกะดำ" จะไม่สนใจ

ซึ่งแกะดำทำเหมือน "ปลูกทิ้ง" ปลูกขว้าง

อันเป็นความคิดดั่งจิตวิปลาสยังไงไม่รู้

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

เป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของท่าน

เมื่อส่งลูกมาเกิดเป็นมนุษย์

ตามที่ขันอาสากันมาเอง

แล้วทำเป็น "ตัดหางปล่อยโลก"

โดยมิทรงรักมิสนใจ

มิทรงห่วงใยลูกๆของตนเองเลยนั้น

มันย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

 

นี่แน่ะ...

การที่พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้

"พระบุตรเอก" ข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์

เพื่อทำหน้าที่เป็นพระศาสดา

ด้วยการกล่าวพระโอวาทต่อชาวโลก

ในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาล

หรือในพระนามแห่งพระเจ้า

ตั้งแต่อดีตกาลนานมาถึงปัจจุบันนี้นั้น

มิใช่เพราะทรงรักและใส่ใจพวกท่านดอกหรือ

 

เพราะพระบิดาทรงเห็นแล้วว่า

บวชกันมานานแต่ยังนิพพานไม่ได้

ปฏิบัติธรรมกันมานาน

แต่ทำได้แค่จิตวิญญาณ "หลุดลอย"

มิอาจหลุดพ้นออกไปจากอนันตจักรวาลได้

 

เนื่องจาก "หลงทาง" ไปนิพพาน

เพราะเข้าใจผิดคิดว่า "นิพพาน" คือ "หลุดพ้น

เพราะเข้าใจผิดคิดว่าการเกิดเป็นมนุษย์

เป็นเหตุแห่งการเกิดทุกข์ทั้งปวง

จึงพยายามจะหนีทุกข์ด้วยการหนีการเกิด

จนต้อง "หลุดลอย" ไปค้างอยู่บนสวรรค์มายา

 

ที่สำคัญคือ มนุษย์ส่วนใหญ่

พาจิตวิญญาณ "หลงทาง" กลับบ้านเกิด

เพราะไปก้าวตาม #คนนำทางตาบอด เข้า

โดยฝูงแกะพยายามจะปีนรั้วเข้าคอก

แทนที่จะเข้าทางประตูคอกแกะ

ที่เราเป็นผู้เฝ้าประตูคอยเปิดให้อยู่แล้ว

 

ดังนั้น

ความคิดแบบ "แกะดำ" ที่ว่า

เมื่อหว่านเมล็ดพันธุ์แล้ว

จะไปสนใจทำไมว่าเมล็ดไหนงอกไม่งอก

จึงเป็นความคิดของคนจิตป่วยโดยแท้

 

4. พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

การที่เรากล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า

 

"มานั่งตรงหน้าเราเพื่อฟังคำ

แต่ไม่นำไปปฏิบัติ

ยังแสดงความภักดีต่อพระบิดา

ด้วยริมฝีปาก

แต่จิตใจยังมีสนิมอธรรมอยู่

ก็มิใช่ประชากรของพระองค์"

 

คำกล่าวเหล่านี้

เรากล่าวในพระนามพระเจ้า

ที่ทรงมีพระบัญชาให้เรากลับมา

สร้างสติทางวิญญาณให้แก่ท่านทั้งหลาย

ที่เปรียบเหมือน "เมล็ดพันธุ์" ของพระองค์

ที่ทรงนำมาปลูกไว้บนแผ่นดินโลก

 

ให้เราเข้ามาทำหน้าที่

รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย

ในรูปแบบของการให้อาหาร

ทั้งอาหารหลักและอาหารเสริมที่จำเป็น

ต่อจิตวิญญาณแก่พวกท่านทั้งหลาย

ทั้งยังให้เราช่วย "กำจัด" ต้นวัชพืช

ที่ขึ้นเบียดแทรกแย่งอาหารเมล็ดพันธุ์

ที่พระองค์ทรงเพาะหว่านไว้อีกด้วย

 

การสื่อพระโอวาท

ผ่านเฟสบุ๊ก ป.วิสุทธิปัญญา

ผ่านพระคัมภีร์จิตจักรวาล

ผ่านการถ่ายทอดสดการสื่อพระโอวาท

ในต่างกรรมต่างวาระทุกๆเดือน ฯลฯ

ล้วนเป็นภารกิจของเรา

ที่พระบิดาทรงมอบหมายให้เราทำเพื่อท่าน

ติดต่อกันมายาวนานกว่าสามสิบปีแล้ว

 

ถ้าพระผู้เป็นเจ้า

ไม่มีพระบัญชาให้เรากลับมา

พวกท่านทั้งหลาย

จะรู้กันเองไม่ได้หรอกว่า

 

บัดนี้โลกสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว

มนุษย์ทุกคนต้องนำพาจิตวิญญาณ

หลุดพ้นออกไปจากเอกภพให้หมด

เพื่อเปิดทางให้จิตวิญญาณผู้มาใหม่

เข้ามาเกิดเป็นมนุษย์ยุคพลังงานใหม่

เพื่อทำหน้าที่แทนพวกท่านต่อไป

 

ถ้าพระผู้เป็นเจ้า

ไม่มีพระบัญชาให้เรากลับมา

พวกท่านทั้งหลาย

จะรู้กันเองไม่ได้หรอกว่า

 

เมื่อสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว

พระองค์จะทรงพิพากษาโลก

จะเกิดมหันตภัยพิบัติทั่วโลก

ในรูปแบบต่างๆมากมายที่มนุษย์จะตกใจ

 

เพราะมันจะรุนแรงชนิดที่ไม่เคยเจอมาก่อน

จนถึงขั้นแผ่นดินหายไปจากแผนที่โลก

จนถึงขั้นคนตายมากกว่าที่รอดชีวิตอยู่

จนถึงขั้นโลกจะมืดนาน 8 ราตรีหรือ 56 วัน

โดยไม่สว่างเลย

 

จนถึงขั้นประตูมิติจะถูกเปิดออก

เพราะสนามแม่เหล็กโลกวิปริตรุนแรง

คนกับผีจะเข้ามาอยู่ในมิติเดียวกัน

 

ถ้าพระผู้เป็นเจ้า

ไม่มีพระบัญชาให้เรากลับมา

พวกท่านทั้งหลาย

จะรู้กันเองไม่ได้หรอกว่า

พวกท่านส่วนใหญ่กำลังหลงทางไปนิพพาน

เพราะไปเดินตามคนนำทางตาบอดเข้า

 

พวกท่านจะไม่รู้ว่า

นิพพานกับการหลุดพ้นของจิตวิญญาณ

ทั้งสองกรณีนี้นั้นมันแตกต่างกัน

 

พวกท่านจะไม่รู้ด้วยว่า

จะหลุดพ้นได้อย่างไร

ในภพชาติสุดท้ายนี้แล้ว

โดยมิพักต้องรอชาติหน้า

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

13-04-2019