08 สิงหาคม 2559

พลังอำนาจในตนเอง


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย...

พลังอำนาจภายในของท่าน
ที่ใช้ประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต
ซึ่งท่านสามารถบงการมันได้นั้น
มีอยู่ 3 พลังด้วยกัน คือ

1.พลังแห่งกายสังขาร
2.พลังแห่งสมอง
3.พลังแห่งจิตใจ

*พลังแรก...
เป็นพลังแห่งกายสังขาร
เป็นพลังที่ตัวท่าน
จะต้องสั่นสะเทือนมันออกมาจากข้างใน

โดยที่เวลาจะยกสิ่งของ
ท่านก็จะต้อง "ออกแรงยก"
หมายถึงต้องเอาพลังจากข้างในออกมา
เพื่อใช้ในการ "ยก" ของสิ่งนั้น

ถ้าพลังหรือแรงที่ส่งออกมาจากข้างใน
มีน้อยกว่าน้ำหนักของสิ่งที่จะยก
ท่านก็จะ "ยกไม่ขึ้น" เพราะพลังไม่พอจะยก

ดังนั้น
แสดงว่าพลังกาย
ต้องขับออกมาจากข้างใน

*พลังที่สอง...
เป็นพลังแห่งสมอง
เป็นพลังที่ท่านจักต้องสั่นสะเทือนมันด้วยการ "คิด"
แต่สมองจะคิดเองไม่ได้
ต้องให้จิตของท่านเป็นผู้ออกคำสั่ง

การออกคำสั่งของ "จิต" ให้สมอง "คิด"
ก็คือ การสั่นสะเทือนจิตเป็น "การนึก"
เพราะการนึกเป็นการโปรแกรมคำสั่งให้สมองคิด
เนื่องจาก "จิต" เป็นนาย
กายก็คือ "สมอง" นี่แหละบ่าวหรือผู้รับใช้

ด้วยเหตุนี้เอง
พลังแห่งสมองจึงต้องสั่นสะเทือนออกมาจากข้างใน
โดยสั่นสะเทือนผ่านกระบวนการนึกแล้วนำมาคิดต่อ
เมื่อคิดต่อแล้วจึงค่อยถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด
หรือคิดต่อแล้วก็ถ่ายทอดออกมาเป็นการกระทำ

ดังนั้น
แสดงว่าพลังแห่งสมองหรือความฉลาดทางปัญญา
จะต้องขับออกมาจากข้างใน
ในลักษณะของการฉลาดคิด ฉลาดพูด ฉลาดทำ

*พลังที่สาม...
เป็นพลังแห่งจิตใจ
เป็นพลังที่ท่านจักต้องสั่นสะเทือนที่จิตเองโดยตรง
เพื่อนำไปใช้ในการสั่นสะเทือน
ให้เกิดเป็นพลังที่ 1 และ 2 ที่กล่าวมา

นั่นคือ
พลังกายจะเกิดขึ้นแล้วขับเคลื่อนออกมาไม่ได้
ถ้าไม่ใช้พลังแห่งจิตใจของท่าน
เป็นผู้เริ่มต้นและเป็นผู้สิ้นสุดการสั่นสะเทือนนั้น

พลังสมองของท่านก็เช่นกัน
มันจะเกิดเป็นความฉลาดทางปัญญาไม่ได้หรอก
ถ้าจิตของท่านไม่สั่นสะเทือนเพื่อการใช้มัน

ด้วยเหตุทั้งหมดนี้เอง
เราจึงจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า...

พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของท่าน
มันล้วนมีอยู่ในตัวท่านเองกันอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าท่านรู้หรือเปล่าว่าท่านน่ะมีอยู่

ถ้ารู้ว่ามีอยู่แล้วท่านสามารถเข้าถึงมันได้หรือเปล่า?
ถ้าเข้าถึงมันได้แล้วท่านน่ะใช้ประโยชน์มันได้หรือยัง?

ซึ่งคำตอบที่ถูกต้องจากคำถามเหล่านี้ก็คือ
ท่านต้องเรียนรู้และฝึกฝนให้เข้าถึง
พลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ในตนเองทั้งสามนี้ให้ได้

ท่านจงอย่าแสวงหาวิธีฉ้อฉล
ด้วยการหลอกลวงจิตวิญญาณของท่านเอง
ให้เข้าช่วยสร้างความสำเร็จใดๆในชีวิต
โดยไม่ใช้พลังกาย พลังสมอง และพลังจิต
ที่ตนเองล้วนมีอยู่ให้เกิดผลประโยชน์เลย
เพราะนอกจากจะทำให้พลังทางวิญญาณ
เกิดการเสื่อมถอยด้อยลงโดยใช่เหตุแล้ว

เมื่อท่านจบสิ้นอายุขัย
คงเหลือแต่ภาคส่วนที่เป็นจิตวิญญาณนั้น
พลังอำนาจทางวิญญาณของท่าน
อาจเทียบเท่าแค่มดแมลงตัวหนึ่งเท่านั้นเอง

ตัวอย่างวิธีการฉ้อฉลอาจเป็นดั่งนี้

1.การสั่งจิตตนเองว่า "ฉันจะรวย ฉันต้องรวย"
ด้วยการนึกฝันเอาแล้วเฝ้ารอคอยวันที่จะรวย
ด้วยหวังว่า "จิตใต้สำนึก" จะไปหาความรวยมาให้

2.การสั่งจิตตนเองว่า "ฉันจะสำเร็จ ฉันต้องทำสำเร็จ"
ด้วยการนึกฝันเอาแล้วเฝ้ารอคอยวันที่จะสำเร็จ
ด้วยหวังว่า "จิตใต้สำนึก" จะไปหาความสำเร็จมาให้

3.การสั่งจิตตนเองว่า "ฉันจะสอบได้ ฉันต้องสอบผ่าน"
ด้วยการนึกฝันเอาแล้วเฝ้ารอคอยการสอบผ่านนั้น
ด้วยหวังว่า "จิตใต้สำนึก" จะไปหาการสอบผ่านมาให้

ท่านจักต้องรู้ว่า
จิตใต้สำนึกเขาทำตามความต้องการของจิตสำนึก
ถ้าท่านสั่นสะเทือนตนเองตรงไปยังจิตใต้สำนึกเลย
โดยไม่สนใจที่จะสั่นสะเทือนทางจิตสำนึก
ตามกระบวนการทางธรรมชาติแล้ว
จิตใต้สำนึกซึ่งเป็นพลังทางจิตวิญญาณ
ก็จะสั่นสะเทือนตนเองไปแสวงหาสิ่งที่ท่าน "สั่ง" นั้น
เพื่อจะเหนี่ยวรั้งนำพามาให้ท่านให้จงได้

แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า.....
จิตใต้สำนึกของท่านจะรู้จักมั้ยว่า?
ไอ้ตัว "รวย" น่ะมันอยู่ไหนในจักรวาลนี้
ไอ้ตัว "รวย" น่ะรูปลักษณ์หน้าตามันเป็นไง

แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า.....
จิตใต้สำนึกของท่านจะรู้จักมั้ยว่า?
ไอ้ตัวที่เรียกว่า "สำเร็จ" น่ะ
มันอยู่ตรงไหนในจักรวาลนี้

ไอ้ตัวที่เรียกว่า "สำเร็จ" น่ะ
รูปลักษณ์หน้าตาของเจ้าตัวนี้มันเป็นไง

จนแม้กระทั่งรหัสของท่านที่สั่งว่า "จะสอบได้"
จิตใต้สำนึกเองก็ไม่รู้หรอกว่า
เจ้าตัว "สอบได้" หน้าตามันเป็นยังไงเช่นกัน

การสั่งจิตใต้สำนึกอยู่เช่นนี้
นอกจากจะสิ้นเปลืองพลังแล้ว
ยังยากที่จะได้ผลสำเร็จแท้จริงอีกด้วย

เพราะการได้แต่ตั้งความหวังแล้วนั่งรอผลสำเร็จ
โดยไม่ลงมือคิดหาวิธีการเหมาะๆ
โดยไม่ลงมือทำตามที่คิดได้คิดไว้นั่น
ท่านก็จะมิอาจประสบความสำเร็จ
บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งใจไว้แต่ต้นได้เลย

แต่ว่า...
ท่านก็สามารถกระตุ้นจิตใต้สำนึก
ให้ทำหน้าที่ใดๆไปตามที่จิตสำนึกต้องการก็ได้
เพียงแต่ว่าท่านจักต้องเรียนรู้วิธีนั่นเอง


เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา

8-08-2016