17 มิถุนายน 2558

สนทนาประสานักเรียน ATTN: Kruple Ben


ATTN: Kruple Ben
Quest: 
ช่วยชี้แนะหน่อยอ่ะค่ะ 
เรื่องวิธีการคิด ในการที่จะให้รู้เท่าทัน
อารมณ์รู้สึกนึกคิดและความต้องการผู้อื่น 
ขอบเขตแค่ไหนที่จะให้มันไม่เผลอ
กลายเป็น คิดเอง เออเอง 
ด้วยการปรุงแต่งของจิตเราโดยไม่รู้ตัวอ่ะค่ะ

Answer:

1.เธอถามหา "วิธีคิด" ที่จะให้รู้เท่าทัน
อารมณ์รู้สึกนึกคิดต้องการของผู้อื่นว่า
มันมีขอบเขตแค่ไหน ที่จะไม่กลายเป็น 
คิดเอง เออเอง งั้นเหรอ?

โอววว......นี่แน่ะ
เราจะกล่าวความจริงให้เธอรู้ว่า
คำตอบก็คือ....

เราไม่มี "ขอบเขตการคิด"
ที่จะสอนสั่งใครให้ไปทำเช่นนั้นหรอกนะ

เหตุที่เราบอกว่าไม่มีขอบเขตในการคิดนั้น
ก็เพราะว่าในวิถีจิตจักรวาลแห่งพระบิดา
นอกจากเรายังไม่เคยสื่อสอนใครเช่นนั้นแล้ว
เราก็ยังไม่เคยทำตนเป็นแบบอย่างของใครว่า
ให้เรียนรู้อารมณ์รู้สึกนึกคิดต้องการของคนอื่น
ด้วยวิธีการคิดเอาเอง มโนเอาเอง 
ตามแบบอย่างที่เธอถามมานั่นหรอก

2.เพราะไม่ตัวเธอเองก็คงเพื่อนเธอบางคน
ได้ให้ประสบการณ์แก่เธอมาแล้วกระมังว่า
การจะรู้เท่าทันอารมณ์รู้สึกนึกคิดต้องการของคนอื่น
ด้วยวิธีคิดเอาเอง ทึกทักเอาเองนั้น
มันจะไปจบลงที่การปรุงแต่งจิตของเธอเอง
โดยไม่รู้ตัวอย่างที่เธอว่า
ทั้งๆที่ความจริงแล้วเขามิได้เป็นดังเช่นที่เธอคิดนั่น

3.เราจะบอกให้นะว่า
การปรุงแต่งจิตของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
แล้วเที่ยวทึกทักคนอื่นน่ะ
มันคือ คนที่ไร้สติดีๆนี่เองแหละ

แน่นอนว่า...
คนที่เขามีปัญญาญาณได้
ใช้ปัญญาญาณเป็นน่ะ
เขาจะไม่ทำเช่นนั้นหรอก

เพราะเขารู้ดีว่าการค้นหาคำตอบ
ที่เกี่ยวข้องกับจิตของคนอื่น
ด้วยวิธี "คิดแทน" คนอื่นนั้น
มันไม่มีทางเข้าถึงคำตอบที่ถูกต้องได้เลย
เพราะมันไม่ต่างจาก "การเดา" เอาเองแต่อย่างใด

เพียงแค่มาคิดหาวิธีคิดนี่ก็ "ขาดสติ" ไปมากแล้ว

4.ถ้าเป็นตัวเรา....
ในนามของบุตรเอกแห่งพระบิดาแล้ว
เราจะไม่ใช้วิธีนั่งคิดนอนคิดครุ่นคิด
เพื่อจะพยายามทำความเข้าใจสภาวะจิตของคนอื่น
ซึ่งเป็นพฤติกรรมภายในที่ตาเปล่ามองไม่เห็น
ให้สิ้นเปลืองเวลาโดยไร้ประโยชน์แน่นอน

เพราะเรามีพลังอำนาจแห่งจิตปัญญาของตนเอง
เพราะเรามีพระปรีชาญาณจากพระเชษฐาแห่งเรา
เพราะเรายังมีพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของมนุษย์
ผู้ทรงมีพระเมตตาต่อเราเป็นที่ยิ่ง

ด้วยคุณสมบัติและความพร้อมเท่านี้
มันจึงไม่ยากเลยสำหรับเราหรอก
ที่จะ "อ่านใจ" บุคคลเป้าหมายบางราย
ให้ได้รู้ในเรื่องที่คนเป็น "ครู" เช่นเราจักต้องรู้
โดยไม่ต้องคิดรู้ และโดยไม่ต้องนึกเอาเดาเอง

5.ดังนั้น...
เมื่อเราให้คำตอบแก่เธอและเพื่อนของเธอ
ที่ชวนกันฝากคำถามมาว่า ขอบเขตของการคิด
เพื่อให้รู้เท่าทันสภาวะจิตของคนอื่นนั้น "ไม่มี"

เราจึงขอบอกพวกเธอว่า
สำหรับพวกเธอนั้น
หากต้องรู้อารมณ์รู้สึกนึกคิดต้องการของใคร
เหลือเพียง 4 ช่องทาง คือ

ทางแรก:
ให้ใช้กลไกอายตนะภายนอกทั้ง 5 ของเธอ
สังเกตความเป็นพิรุธจากอาการที่เขาแสดงออกสิ
จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
อ่านจิตไม่เป็นเห็นจิตไม่ได้...อย่าไปเดาเขา
ก็สังเกตมายาคือพฤติกรรมของเขาสิเธอ
มันสามารถจะบอกอะไรๆเธอได้ตั้งเยอะเลยล่ะ

ทางที่สอง:
ถ้าเธอใกล้ชิดเขาคนนั้น เช่น เป็นเพื่อนซี้
หรือสนิทสนมขนาดเป็นหนี้บุญคุณกันมา
แสดงว่าน่าจะเป็นคนรู้ใจ รู้ชอบเห็นชั่วกันมาพอตัว
ก็ให้ลองทบทวนประวัติส่วนตัวของเขาคนนั้นสิว่า
เขามีอุปนิสัยใจคอเป็นแบบไหน

ทางที่สาม:
เป็นหนทางค้นหาคำตอบที่ง่ายที่สุด
ก็คือ "ถามตรงๆ" สิเธอ...
ว่าแต่ว่าบุคคลเป้าหมายคนที่เธอถามเขาน่ะ
ปากแข็งหรือเปล่า พูดโกหกหรือเปล่า
ปากกับใจน่ะตรงกันหรือเปล่าเท่านั้นแหละ

ทางที่สี่:
ก็ให้เธอใช้มันทั้งสามหนทางที่กล่าวไว้สิเธอ
น่าจะพอรู้จิตรู้ใจคนๆนั้นได้บ่้าง
ยังไงๆก็ดีกว่าเดาเอาเองแน่นอน

หวังว่าคำกล่าวทั้งหมดของเรา
คงจะเป็นประโยชน์
แก่นักเรียนท่านอื่นๆได้บ้างล่ะนะ

เอเมน...สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
17-06-2015