15 กุมภาพันธ์ 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 15/02/2023

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
ความรักมีหลายแบบหลายเหตุผลที่ทุกคนควรรู้
โดยสามารถจำแนกแยกแยะได้ดังนี้
 
1.รักแบบพันผูก
คือ ความรักของพ่อกับแม่
เป็นความรักในแบบ “สองคนผัวเมีย”
ที่นัวเนียนุงนังกันในชาตินี้ บางทีก็ข้ามภพชาติ
ซึ่งจะมีความรักต่อกันในสองรูปแบบ คือ
 
แบบแรกจะเป็นรักเพื่อให้ในทุกสิ่งที่เธอปรารถนา
ถ้าฉันจัดการนำมาสนองความต้องการของเธอได้
มันจะทำให้ตัวฉันนั้นมีความสุขสุดที่จะประมาณ
 
แบบที่สองจะเป็นรักเพื่อเอาในสิ่งที่ฉันปรารถนา
ถ้าหากว่าเธอสามารถที่จะตอบสนองให้ฉันได้บ้าง
ไม่ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งเล็กๆแต่มันจะมีค่าสำหรับฉันมาก
เพราะเธอซึ่งเป็นคนที่ฉันรักเป็นผู้มอบให้แก่ฉัน
ฉันจะยิ่งมีความสุขมากเมื่อได้รับโดยไม่ต้องร้องขอ
 
2.รักแบบผูกพัน
คือ ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก
ในแบบรักเพื่อให้ที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมที่สุด
นั่นคือให้ความมีชีวิตรอดและความอบอุ่นกายใจ
ให้แก่ลูกน้อยที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของตน
ให้การใส่ใจดูแลแบบมดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม
จนกระทั่งลูกพอรู้ความแล้วพ่อกับแม่
ยังต้องให้ความเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกอีกด้วย
 
รวมทั้งความรักของลูกน้อยที่มีต่อพ่อแม่
ในแบบรักเพื่อเอาคือเอาพ่อเอาแม่ให้ช่วยเลี้ยงดู
ให้ได้ดื่มนมได้กินอาหารได้หลับนอนได้ปลอดภัย
เพื่อการเจริญเติบโตเจริญวัยและเพื่อให้มีชีวิตรอด
 
พอเติบใหญ่เป็นหนุ่มเป็นสาวขึ้นมา
จนสามารถรับผิดชอบดูแลตัวเองได้บ้างแล้ว
ความรักเพื่อเอาที่มีแต่เดิมก็จะเปลี่ยนไป
เป็นความรักในแบบ “รักเพื่อให้” แก่พ่อแม่แทน
อันหมายถึงการ #ตอบแทนพระคุณ นั่นเอง
การเป็นลูกที่ดี เชื่อฟังพ่อแม่ ว่านอนสอนง่าย
ไม่เป็นเด็กนอกคอกไม่เป็นเด็กเกเรไม่ระรานเพื่อน
แต่เป็นเด็กขยันเรียน เรียนดี ฉลาดคิดฉลาดทำ
พฤตินิสัยเหล่านี้จะทำให้พ่อแม่มีความสุข
ความสุขที่ลูกมีให้พ่อแม่คือการแทนพระคุณนั่นเอง
 
3.รักแบบไม่ผูกไม่พัน
คือ ความรักที่มิได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด
แต่เป็นแบบความรักเพื่อให้โดยไม่มีเงื่อนไขว่า
คนที่ตนจะรักเพื่อให้สิ่งดีๆนั้นต้องเจาะจงว่าเป็นใคร
ไม่มีเงื่อนไขว่าถ้าให้แล้วตนจะได้อะไรตอบแทน
ไม่มีเงื่อนไขว่าจะให้เมื่อไหร่ให้อย่างไรให้แบบไหน
โดยที่คุณสามารถจะรักเพื่อให้กับทุกคนทุกโอกาส
ให้ในสิ่งที่พอมีเท่าที่พอจะแบ่งปันหรืออุทิศให้ได้
 
โดย #ความรักแบบไม่ผูกไม่พัน
ที่คุณสามารถฝึกให้เป็นคุณสมบัติจำเพาะตัวคือ
การอดทน อดกลั้น และอภัยต่อกัน
 
คำว่า “อดทน” หมายถึง
การ #ยินยอมให้ คนอื่นกระทำไม่ถูกต้องต่อคุณ
เพื่อ #เปิดโอกาสให้ ตัวคุณยังมีเขาเป็นเพื่อน
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมชีวิตเพื่อนร่วมชะตากรรม
เป็นเพื่อนร่วมงานเป็นเพื่อนบ้านเป็นเพื่อนร่วมโลก
เพื่อธำรงรักษาความสัมพันธ์อันดีต่อกันเอาไว้ให้ได้
การอดทนจึงหมายถึง #การรักตัวเอง โดยแท้
 
คำว่า “อดกลั้น” หมายถึง
การที่คุณ “ยินยอมให้” คนอื่นกระทำไม่ถูกต้อง
เพื่อ “เปิดโอกาส” ให้ตัวเขาที่ทำไม่ดีต่อคุณนั้น
ยังมีคุณเป็นเพื่อนกับเขาต่อไปอีกได้
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมชีวิต ร่วมชะตากรรม
เพื่อนร่วมงาน ร่วมชุมชน ร่วมชาติหรือร่วมโลก
เพื่อธำรงรักษาความสัมพันธ์อันดีต่อกันเอาไว้ให้ได้
โดยไม่ยอมให้ใครตายหรือหายไปจากชีวิตคุณ
การอดกลั้นจึงหมายถึง #การรักคนอื่น นั่นเอง
 
คำว่า “อภัย” หมายถึง
การที่คุณยินยอมให้ใครก็ตามทำไม่ถูกต้องต่อคุณ
โดยที่คุณไม่มีการถือตัวถือตนหรือถือสาหาความ
จนนำไปสู่ความขัดแย้งหรือการทะเลาะเบาะแว้งกัน
ทำให้ความเป็นหนึ่งเดียวกันต้องแตกแยกร้าวฉาน
ซึ่งคุณเข้าถึงความจริงในสิ่งนี้ได้ว่าเป็นกฎจักรวาล
 
มนุษย์แต่ละคนบนโลกนี้
เปรียบได้ดั่งอณูเล็กๆในก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง
ที่ทุกอณูจักต้องเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันไว้ให้มั่นคง
โดยพลังแห่งการเหนี่ยวรั้งนั้นต้องได้จากความรัก
ที่ทุกอณูต้องยื่นแขนของตนออกมายึดรั้งกันไว้
ในแบบที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “กูรักมึง มึงรักกู”
ไม่มีแบบว่า “กูจะรักมึงก็ต่อเมื่อมึงต้องรักกูก่อน”
 
ถ้ามนุษย์โลกทุกคนทำเช่นนี้ได้
โลกนี้ก็จะมีความเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างลงตัว
มนุษย์โลกก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันเพราะสามัคคีกันได้
มนุษย์กับโลกก็จะหมุนไปด้วยกันจนเป็นหนึ่งเดียว
ในที่สุดมันก็มาบรรจบลงที่การหมุนธรรมจักรนั่นเอง
 
ความรักแบบพันผูกกับผูกพัน
สำหรับมนุษย์โลกในยุคนี้ก็ยังมีปัญหา
เป็นข่าวอาชญากรรมหน้าหนึ่งของสื่อมวลชนทุกวัน
ยิ่งความรักแบบไม่ผูกไม่พันแบบสุดท้าย
ก็นับวันยิ่งจะมีปัญหาหนักขึ้นเรื่อยๆ
สังเกตได้จากภัยพิบัติเกิดถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้นทุกวัน
จนฟันธงลงไปล่วงหน้าได้เลยว่าอีกไม่ช้านาน
มนุษย์ทั้งโลกจะต้องทำสงครามกับภัยพิบัติที่รุนแรง
อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงและจะหมดทางสู้แน่นอน
 
เพราะมนุษย์ระดมขว้าง “กรรมจักร” ออกมา
ด้วยการใช้กิเลสเป็นพลังขับเคลื่อนมัน
กรรมจักรเป็นสิ่งที่โลกไม่ต้องการมันจึงเป็นขยะ
ใครเป็นคนสร้างหรือขว้างขยะนั้นออกมา
เมื่อโลกและทุกสรรพสิ่งไม่เอาไม่รับไว้
ประดาขยะทุกชิ้นนั้นมนุษย์โลกก็ต้องรับมันคืนมา
ในรูปของ #กงจักร จากภัยพิบัติรุนแรงทุกรูปแบบ
จะถาโถมสะท้อนกลับมาหาพวกคุณจากทั่วทุกทิศ
ซึ่งภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับโลกในครั้งที่สี่นี้
มันจะรุนแรงมากกว่าสามครั้งที่ผ่านมาในอดีต
 
เหตุที่รุนแรงเป็นเท่าทวีก็เพราะว่า
ภัยพิบัติในครั้งนี้จะเป็นภัยธรรมชาติส่วนหนึ่ง
ที่เกิดจากมนุษย์ทำให้โลกเสียสมดุล
เพราะรักกันไม่ได้อภัยไม่เป็นจึงไม่หมุนธรรมจักร
จะเกิดจากภัยพิบัติตามแผนชำระโลกอีกส่วนหนึ่ง
ซึ่งพระเจ้าต้องการเปลี่ยนโลกสู่ยุคพลังงานใหม่
ระดับที่คนตายจิตวิญญาณแตกสลายแผ่นดินหาย
ซึ่งกล่าวมากไปก็จะเป็นเหมือนการขู่หรือเพ้อเจ้อ
 
ความรุนแรงที่มันจะเกิดขึ้นข้างหน้านั้น
เป้าหมายสำคัญสูงสุด คือ #สร้างความกลัวตาย
อันเป็นบททดสอบจิตสามนึกและบทเรียนสุดท้าย
ของทุกคนบนโลกนี้ที่โชคดียังมีชีวิตอยู่ถึงวันนั้น
เพราะความรักตัวกลัวตายเป็นความรักที่บริสุทธิ์
เป็นความรักเพื่อการอยู่รอดที่จิตวิญญาณต้องการ
แต่จิตหยาบมนุษย์ไม่เคยตอบสนองมานานแล้ว
 
กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
15/02/2566