09 กุมภาพันธ์ 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 09/02/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

09/02/2021



พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า
พวกท่าน ถืออดอาหาร
โดยใช้เวลาวันละนานๆ
และถืออดหลายวันติดต่อกันทำไมเพื่ออะไร

คำตอบแรก
การถืออดอาหารมิใช่การทำเพื่อให้คนอื่นเห็น
มิใช่การสร้างประเด็นเพื่อให้คนอื่นเขาสรรเสริญ
เพราะการปฏิบัติเช่นว่านั้น
พวกท่านมิได้ต้องการบำเหน็จจากพวกเขา
แต่เป็นพระบิดาผู้ประทับอยู่ในแดนสุญตา
นอกอนันตจักรวาลที่ทรงทอดพระเนตรเห็น
จะประทานบำเหน็จนั้นให้แก่ท่าน

ดังนั้น
เมื่อใดที่ท่านถืออดอาหาร
ท่านจึงไม่ต้องตีหน้าเศร้าบอกกล่าวให้ใครรูั
ไม่ต้องทำตัวซอมซ่อซูบเซียวให้ใครเห็น
แต่ให้เอาน้ำล้างหน้าอย่าปล่อยให้มันยู่ยี่
หวีผมให้เรียบร้อยแลดูดีไม่ปล่อยให้หัวยุ่ง

เพราะกิจกรรมของท่าน
พระบิดาผู้ทรงสถิตในที่ลับคือแดนสุญตา
ทอดพระเนตรเห็นและจะประทานบำเหน็จนั้น
ให้แก่ท่านด้วยพระหัตถ์ของพระองค์อยู่แล้ว
บำเหน็จใดในโลกที่ท่านมอบให้กันไว้
เมื่อจิตวิญญาณตายไปก็เอาติดตัวไปไม่ได้
แต่บำเหน็จของพระองค์ที่ทรงประทานให้ท่าน
จากการเป็นคนชอบธรรมต่างหากล่ะ
จะเป็นสมบัติล้ำค่าของจิตวิญญาณของท่าน
ที่มันจะไม่มีวันเสื่อมสลายใครก็แย่งท่านไปมิได้

คำตอบที่สอง
การถืออดอาหารของท่าน
เป็นวิธีการฝึกฝนตนเองให้มีสติทางวิญญาณว่า
อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตัวท่านว่า
จะเอาอะไรกิน จะเอาอะไรดื่ม จะนุ่งห่มอะไร
จนวันๆหนึ่งไม่เป็นอันทำอะไรมากไปกว่านั้น
นอกจากได้แต่แสวงหาสิ่งเหล่านี้เท่านั้น
จนละเลยความต้องการทางจิตวิญญาณไป

ในกาลอดีตที่ผ่านมานับพันปี
เราก็เคยกล่าวความจริงต่อท่านไว้แล้วว่า
ให้ดูแบบจากเหล่าวิหคนกกาทั้งหลายนั้น
พวกมันมิได้หว่านไถมิได้มีการเก็บเกี่ยว
เพราะพวกมันไม่มียุ้งฉางอะไร
วันๆจึงได้แต่โบยบินไปเรื่อยๆ
เมื่อพบเจอเมล็ดธัญพืชขึ้นอยู่ที่ไหน
หน้าที่ของนกเหล่านั้นก็คือ "การเก็บกิน"
โดยพวกมันไม่ต้องดิ้นรนที่จะ "เกี่ยวเก็บ"
เพราะพระบิดาทรงเลี้ยงชีวิตพวกเขาไว้
กินอิ่มท้องแล้วก็โบยบินจากไป
โดยไม่คิดโลภไม่คิดกักตุนส่วนที่เหลือนั้น
เผื่อวันหน้าจะมีนกท้องหิวตัวอื่นๆ
ที่บินผ่านมาทางนั้นจะได้เก็บกินกันต่อได้

พวกนกทั้งหลาย
จึงไม่มีการวิตกกังวลว่า
ตนจะกินอะไรต่อไป ตนจะเอาอะไรดื่ม
โดยพวกเขามีหน้าที่รักษาชีวิตตนเองไว้เท่านั้น
นั่นแสดงว่าการรอดชีวิตสำคัญกว่าสิ่งใด
เพราะพระบิดาจะทรงเติมเต็มทุกสิ่งอย่างเต็มล้น
ให้แก่ลูกแกะของพระองค์และคณานกอยู่แล้ว

แต่ท่านทั้งหลายเป็นสัตว์ประเสริฐกว่านก
จะมัวมุ่งแสวงหามุ่งสั่งสมทรัพย์ศฤงคารสมบัติ
ด้วยความโลภ ความโกรธ ความงมงายลุ่มหลง
จนลืมแสวงหาแผ่นดินเกิดของจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นแผ่นดินของพระบิดาที่ท่านจากมามิได้

เพราะพระบิดาก็ทรงเลี้ยงดูพวกท่านเหมือนนก
ด้วยการประทานบำเหน็จให้แก่กายสังขาร
สำหรับท่านทั้งหลายไว้บนโลกจนเต็มล้นอยู่แล้ว
เพราะทรงทราบดีว่าพวกท่านต้องการสิ่งเหล่านี้
การฝึก "ถืออดอาหาร" เอาไว้บ้าง
ก็เพื่อสร้างสติทางวิญญาณในประเด็นนี้
จะยังผลให้กิเลสตัณหาราคะถูกชำระทิ้งเสียบ้าง

การมุ่งแต่จะแสวงหาสิ่งเหล่านี้มาสั่งสม
จนวันนี้ท่านมีเหลือกิน เหลือใช้ เหลือเก็บ
เพื่อพรุ่งนี้ทรัพย์สิ่งที่เหลือต้องโยนทิ้งลงเตาไฟ
เพราะตัวท่านตายแล้วก็ไม่ได้กินไม่ได้ใช้มัน
แสวงหาจนวันตายมันก็ไร้ค่ายิ่งนัก

คำตอบที่สาม
ถ้าท่านถือศีลอดอาหาร
มันจะทำให้ท่านมีเวลาในชีวิตมากขึ้นทันที
โดยมีเวลาว่างจากการ "แสวงหา" อาหารทางโลก
เพื่อเลี้ยงดูปรนเปรอกายสังขาร
ซึ่งกินจนอิ่มแล้วเหลือกินเหลือเก็บเหลือใช้
แต่จิตวิญญาณของท่านก็ยังต้องตาย

ท่านทั้งหลายจะได้มีเวลา
หันมาแสวงหาอาหารทางจิตวิญญาณ
ซึ่งประทานมาให้โดยพระผู้เป็นเจ้า
ที่พวกท่านกินแล้วจิตวิญญาณจะไม่ต้องตาย
หมายถึงจิตวิญญาณไม่ต้องมาเกิดใหม่
เพราะหลุดพ้นนิพพานออกไป
จากโลกและอนันตจักรวาลได้อย่างสง่างาม

จนป่านนี้แล้ว
โลกถึงกาลสิ้นยุคแล้ว
พระบิดาทรงพิพากษาโลกแล้ว
ท่าน "พร้อม" นำพาจิตวิญญาณของท่าน
หลุดพ้นออกไปจากระบบโลก
นิพพานไปจากอนันตจักรวาลอันไพศาล
เพื่อกลับบ้านไปกราบพระบาทพระบิดา
แล้วหรือยังล่ะ...ทำไมจึงยังไม่พร้อม???

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
9/02/2021