07 ตุลาคม 2563

ศาสตร์แห่งอริยะ 7/10/2020

สนทนาประสาจิตจักรวาล

"ศาสตร์แห่งอริยะ"
*****************
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เส้นทางแห่งอริยะตามมรรควิถี #จิตจักรวาล นั้น
สิ่งสำคัญสูงสุดในลำดับต้นๆ
ที่ท่านทั้งหลายจักต้องถือปฏิบัติไว้ให้มั่นคง
นั่นคือการ "รักษาสติ" ของตนเอาไว้ให้ได้
เพราะ "สติ" เป็นดั่งโล่ห์ปกป้อง "จิต" ท่าน
ให้มีความสงบสมดุลอยู่ตลอดเวลา
โดยไม่ตกเป็นทาสของสิ่งเร้าทั้งปวง
และไม่ตกเป็นทาสอารมณ์ขยะของตนด้วย
ถ้าท่านรักษาจิตให้สงบจนเกิดสติได้
ความมีสติของท่านนั้นมันจะช่วยให้ท่าน
เข้าถึงพลังอำนาจแห่งความรักความเมตตา
เข้าถึงพลังอำนาจทางปัญญาของสมอง
ทั้งสองพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่นี้ได้
เพราะจิตสงบเท่านั้น
ที่จะเป็นคลื่นการสั่นสะเทือนความถี่สูง
ที่จะสามารถสั่นสะเทือนเซลประสาทสมอง
ให้เกิดพลังอำนาจทางปัญญา
เพื่อการคิดรู้ เรียนรู้ การคิดสร้างสรรค์
และการตัดสินใจในการดำเนินชีวิตประจำวัน
ในทุกสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่สำคัญที่สุดก็คือ
จิตที่สงบเพราะมีสติเท่านั้น
จึงจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึง #ความรัก ได้
เพราะธรรมชาติของจิตหยาบหรือจิตมนุษย์
มันจะสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิด
ได้ทีละเรื่องทีละอย่างเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น
ในขณะที่ท่านกำลังมีอารมณ์ "โกรธ" อยู่
จิตท่านมันจะสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์อื่นมิได้
ถ้าจะมีอารมณ์อื่นๆได้ เช่น รัก เมตตา สงสาร
จิตของท่านในขณะนั้น
มันจะต้อง "ว่าง" ไปจากความโกรธเสียก่อน
ถ้าจิตท่านกำลังมีความโศกาอาดูรอยู่
สภาวะจิตของท่านมันก็จะไม่มีที่ว่าง
ให้กับความสุข ความรัก ความปรารถนาดี
เข้ามาเป็นคลื่นแทรกซ้อนในขณะนั้นได้
ถ้าท่านจะเปลี่ยนอารมณ์รู้สึกในปัจจุบันขณะ
ไปเป็นอารมณ์รู้สึกอย่างอื่นที่ต้องการแล้ว
ท่านจำเป็นจะต้อง "ละวาง" หรือ "ดับ"
อารมณ์รู้สึกที่ไม่ต้องการนั้นให้ได้ก่อน
ในเรื่องของการนึกคิดด้วยจิตกับสมองก็เช่นกัน
ถ้าท่านกำลังนึกคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ซึ่งเป็นการนึกลบคิดลบอันไม่พึงประสงค์อยู่
หากต้องการจะ "เปลี่ยน" เรื่องที่กำลังนึกคิดนั้น
ท่านจะกำหนดจิตให้แทรกแซงความนึกคิดใหม่
ในแบบที่ท่านต้องการเข้าไปแทนที่ทันทีไม่ได้
ท่านต้องละเลิกการนึกคิดเรื่องเดิมเสียก่อน
เมื่อสภาวะจิตว่างไปจากการนึกคิดเดิมนั้นแล้ว
จิตท่านจึงจะสามารถนึกคิดเรื่องใหม่ได้
ท่านทั้งหลายจงจำไว้ว่า
จิตหยาบของท่านมันจะสามารถ
สั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึกได้ทีละเรื่อง
สั่นสะเทือนเป็นการนึกคิดได้ทีละเรื่อง
ถ้าท่านนึกคิดพร้อมกันมากกว่าหนึ่งเรื่อง
นอกจากท่านจะคิดอะไรไม่ค่อยออกแล้ว
มันจะทำให้เกิดอาการเครียดทางสมองด้วย
ในยามที่ท่านโกรธ
จึงถามหาความรักความเมตตาจากท่านมิได้
ในยามที่ท่านเสียใจหรือยามเศร้าหมอง
จึงถามหาความร่าเริงเบิกบานจากท่านก็มิได้
ดังนั้น
จิตที่สงบจากการมีสติดังกล่าวนี้
จึงเป็นภารกิจสำคัญสำหรับอริยะบุคคล
ที่จักต้องฝึกฝนให้เกิดทักษะให้จงได้
ผู้เลือกใช้ชีวิตแบบ "ฆราวาส" ผู้ครองเรือน
ซึ่งต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่น
ต้องเปิดอายตนะตาหูปากจมูก
เพื่อการสัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งเร้ารอบข้าง
ทั้งที่ชอบใจไม่ชอบใจอยู่ตลอดทุกวันเวลา
หากพลั้งเผลอขาดสติขึ้นมาเมื่อไหร่
ความสงบของจิตจะถูกทำลายไปทันที
ซึ่งมันจะยังผลให้จิตสั่นสะเทือนเป็นด้านลบ
เพราะจิตจะถูกครอบงำด้วยกิเลสตัณหาแทน
ในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่
จะเป็นดังเช่นที่ว่านี้ทั้งสิ้น
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เคยใส่ใจในเรื่อง #สติ
พฤติกรรมต่างๆที่แสดงออกหรือกระทำ
จึงมักเป็นไปตามอารมณ์รู้สึกนึกคิด
ที่เกิดจากการถูกยั่วยุเย้ายวนทั้งสิ้น
จนไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เลย
ทุกๆวันเวลา
ท่านทั้งหลายจึง "หมุนกรรมจักร" กันซ้ำซาก
ไม่สามารถแทรกแซงกรรมจักร
โดยเปลี่ยนไปหมุน #ธรรมจักร แทนได้
กงล้อแห่งกรรมจึงหมุนต่อไปเรื่อยๆ
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านทั้งหลาย
จึงต้องมีสังสารวัฏกันอยู่ต่อไป
แม้ปัจจุบันนี้โลกสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
จิตวิญญาณพวกท่านทุกคน
ต้องการจะหลุดพ้นเพื่อกลับบ้านเกิดที่จากมา
แต่ดูทีท่าว่าจะกลับบ้านกันไม่ได้แล้ว
เพราะจิตหยาบของคนส่วนใหญ่ยังไม่สนใจ
อนุตรธรรมอันล้ำค่าทั้งหมดทั้งมวล
ที่พระบิดาฯทรงเมตตาสื่อผ่านเรามาจนบัดนี้
หากยังสนใจในอุตริอวิชชาอยู่
ยังยึดติดวิธีการปฏิบัติแบบเดิมๆที่ไร้ผล
ยังเชื่อตามก้าวตามคนนำทางตาบอด
ที่พาหลงทางนิพพานมานานหลายภพชาติแล้ว
ยังไม่ยอมติดอาวุธทางปัญญาให้ตัวเอง
คิดแต่จะพึ่งคนนำทางตาบอดกันอยู่เท่านั้น
พฤตินิสัยเหล่านี้
จะนำจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านทั้งหลาย
ต้องล้มเหลวในการมาเกิดเป็นมนุษย์
แถมยังจะกลับบ้านแดนสุญตาไม่ได้อีกด้วย
ท่านผู้มีสติทางวิญญาณควรพึงตระหนักไว้เถิด
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
7/10/2020