คัมภีร์แห่งธรรมจักร:
............................
1.จิตวิญญาณของทุกท่านในทุกภพชาติ
ที่ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็น "คน" นั้น
จักต้องเรียนรู้ที่จะ "คนตนเอง" ให้เป็น "มนุษย์"
จักต้องเรียนรู้ที่จะ "คนตนเองให้เข้ากันได้ดี" กับผู้อื่น
จักต้องเรียนรู้ที่จะ "คนตนเองให้เป็นหนึ่งเดียว" กับโลก
จักต้องเรียนรู้ที่จะ "คน" ตนเองให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
กับผู้อื่น กับโลก และกับจักรวาลอันไพศาลนี้
2.การคนตนเองให้เป็นมนุษย์หมายถึง
การที่ท่านสามารถใช้กลไกอายตนะภายนอก
เช่น ตา หู จมูก ลิ้นหรือปาก มือ และเท้า
เพื่อการสัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งต่างๆรายรอบตัว
แล้วนำเอาผลแห่งการสัมผัสนั่น
มาสั่นสะเทือนจิตใจที่ข้างใน
เพื่อให้เกิดเป็นความรักเพื่อให้
มาสั่นสะเทือนจิตใจที่ข้างใน
เพื่อให้เกิดเป็นความสุขสงบ
แล้วใช้สภาวะจิตที่สุขสงบนั้น
ไปสั่นสะเทือนทางปัญญาของสมองสองซีก
เพื่อสร้างกระบวนการคิดต่อไป
ก่อนที่จะตัดสินใจแสดงออกหรือกระทำ
พฤติกรรมที่เหมาะสมดีงาม
ต่อเพื่อนร่วมโลกได้ทุกสิ่ง
3.ถ้าท่านสามารถเข้าถึงความจริงที่จริงแท้
ในสองประการที่กล่าวมานั้นได้ก็เท่ากับว่า
ท่านเข้าถึงการคนตนเองให้เป็นมนุษย์
หรือท่าน "หมุนธรรมจักร" สำเร็จแล้ว
แต่ถ้าท่านมิอาจเข้าถึงได้ในสองประการที่กล่าวมา
โดยจิตเกิดการสั่นสะเทือนเป็นลบขึ้นมาแทน
จนยังผลให้เกิดความไม่สงบที่ในจิต
จนไม่สามารถเข้าถึงความรักและความคิด
ที่ถูกต้องเหมาะสมและดีงามต่อผู้ใดได้
นี่เท่ากับว่าท่าน "หมุนกรรมจักร" แทนเสียแล้ว
4.ถ้าหากท่านสามารถหมุนธรรมจักรได้
ปฏิบัติการนี้จะยังผลให้
เกิดพลังงานด้านบวกขึ้นมาได้
ซึ่งเป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ที่ทุกคนทุกสรรพสิ่งและดาวโลกล้วนต้องการ
แต่ถ้าท่านหมุนกรรมจักร
ปฏิบัติการนี้ก็จะยังผลให้
เกิดพลังงานด้านลบขึ้นมาแทน
ซึ่งเป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบ
ที่ทุกคนทุกสรรพสิ่งและดาวโลกไม่ต้องการ
5.พลังงานด้านบวก
จากการสั่นสะเทือนทางจิตปัญญา
เป็นพลังงานสร้างสรรค์
นั่นคือ บุญกุศล
พลังงานด้านลบ
จากการสั่นสะเทือนทางจิตปัญญา
จักเป็นพลังงานขยะ
นั่นคือ บาปกรรม
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
10-07-2015