ท่านรู้หรือไม่ว่า.....
ถ้าคนใกล้ชิดตัวท่านกระทำไม่ถูกต้องต่อตัวท่าน
ปกติแล้วท่านมักจะเสียสมดุลไปในทาง
หงุดหงิด ขึ้ง เคียด เกลียด โกรธ นั่นล่ะ
ปกติแล้วท่านมักจะเสียสมดุลไปในทาง
หงุดหงิด ขึ้ง เคียด เกลียด โกรธ นั่นล่ะ
ทำอย่างไรท่านจึงจะไม่โกรธ
ทำอย่างไรท่านจึงจะดับโกรธที่เกิดขึ้นนั้นได้
ทำอย่างไรท่านจึงจะคืนความสมดุล
ทางจิตใจให้ตนเองได้ภายในสามนาที
ทำอย่างไรท่านจึงจะดับโกรธที่เกิดขึ้นนั้นได้
ทำอย่างไรท่านจึงจะคืนความสมดุล
ทางจิตใจให้ตนเองได้ภายในสามนาที
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
คำตอบแรกก็คือ....
มหาสติ ไงล่ะ
คำตอบแรกก็คือ....
มหาสติ ไงล่ะ
ท่านฝึกฝนตนเองจนสามารถครองมหาสติได้รึยัง
ถ้าท่านยังครองมหาสติไม่ได้
สามคำถามที่เรากล่าวไว้ข้างต้นนั้น
ท่านจะมิอาจเข้าถึงคำตอบที่ต้องการได้หรอก
ถ้าท่านยังครองมหาสติไม่ได้
สามคำถามที่เรากล่าวไว้ข้างต้นนั้น
ท่านจะมิอาจเข้าถึงคำตอบที่ต้องการได้หรอก
แต่ถ้าท่านสามารถเข้าถึงการครองมหาสติ
อันเป็นธรรมชาติสมาธิในชีวิตประจำวันได้แล้ว
กล่าวคือ รู้สติ มีสติ และใช้สติ ตลอดทั้งวันเวลา
อันเป็นธรรมชาติสมาธิในชีวิตประจำวันได้แล้ว
กล่าวคือ รู้สติ มีสติ และใช้สติ ตลอดทั้งวันเวลา
คำตอบที่สองถัดมา คือ
การหยิบปัญญามานิพพานอารมณ์โกรธนั้นให้สิ้น
จึงจะเป็นจริงได้
การหยิบปัญญามานิพพานอารมณ์โกรธนั้นให้สิ้น
จึงจะเป็นจริงได้
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ขณะมีมหาสติอยู่นั้น.....
ขอให้ท่านจงระลึกถึงความจริงในธรรมชาติดูว่า
ขณะมีมหาสติอยู่นั้น.....
ขอให้ท่านจงระลึกถึงความจริงในธรรมชาติดูว่า
1.เวลากลางวันขณะแดดร้อนเปรี้ยงๆอยู่
หากท่านกำลังออกจากบ้านเดินทางไปทำธุระ
ในท่ามกลางเปลวแดดแผดจ้าอยู่นั้น
ท่านเคยจัดการอย่างไรในสถานการณ์เช่นว่านี้บ้าง
หากท่านกำลังออกจากบ้านเดินทางไปทำธุระ
ในท่ามกลางเปลวแดดแผดจ้าอยู่นั้น
ท่านเคยจัดการอย่างไรในสถานการณ์เช่นว่านี้บ้าง
คำตอบคือ....
1.1 อดทนต่อความร้อนของเปลวแดดนั้น ใช่มั้ย?
1.2 หาร่มมากางบังแดดให้ตนเอง ใช่มั้ย?
1.3 เดินเลี่ยงหลบเข้ากำบังเงาในร่มเงา ร่มไม้ ชายคา
ที่มีอยู่ตามทางเดินนั้น ใช่มั้ย?
1.1 อดทนต่อความร้อนของเปลวแดดนั้น ใช่มั้ย?
1.2 หาร่มมากางบังแดดให้ตนเอง ใช่มั้ย?
1.3 เดินเลี่ยงหลบเข้ากำบังเงาในร่มเงา ร่มไม้ ชายคา
ที่มีอยู่ตามทางเดินนั้น ใช่มั้ย?
2.ให้ท่านถามตนเองต่อไปด้วยว่า...
ทำไมท่านจึงไม่สั่งให้ดวงอาทิตย์หยุดแผ่ความร้อน
ทำไมท่านจึงไม่คิดจะแช่งด่าดวงอาทิตย์
ทำไมท่านจึงไม่หาเรื่องชวนทะเลาะกับดวงอาทิตย์
ทำไมท่านจึงไม่กล่าวร้ายให้โทษดวงอาทิตย์
ทำไมท่านจึงไม่สั่งให้ดวงอาทิตย์หยุดแผ่ความร้อน
ทำไมท่านจึงไม่คิดจะแช่งด่าดวงอาทิตย์
ทำไมท่านจึงไม่หาเรื่องชวนทะเลาะกับดวงอาทิตย์
ทำไมท่านจึงไม่กล่าวร้ายให้โทษดวงอาทิตย์
คำตอบก็คือ....
ท่านไม่สั่งดวงอาทิตย์ให้หยุดแผ่รังสีความร้อน
เพราะรู้ดีว่าตัวท่านเองไม่มีอำนาจมากพอ
เพราะท่านรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้
เพราะรู้ดีว่าตัวท่านเองไม่มีอำนาจมากพอ
เพราะท่านรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้
ท่านไม่คิดจะแช่งด่าดวงอาทิตย์
เพราะรู้ดีว่ามันเป็นคุณสมบัติของดวงอาทิตย์
ที่ต้องร้อนแรงอย่างนั้นเอง...
เพราะรู้ดีว่ามันเป็นคุณสมบัติของดวงอาทิตย์
ที่ต้องร้อนแรงอย่างนั้นเอง...
เพราะท่านรู้ดีว่าไม่มีใครห้ามดวงอาทิตย์
มิให้เปล่งความร้อนแรงได้
มันต้องเป็นของมันเช่นนั้นเอง
มิให้เปล่งความร้อนแรงได้
มันต้องเป็นของมันเช่นนั้นเอง
ท่านไม่ชวนทะเลาะกับดวงอาทิตย์
เพราะท่านรู้ดีว่าแช่งด่าว่าไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
ดวงอาทิตย์ก็จะเงียบแล้วแผ่ความร้อนออกมาดังเดิม
เพราะเป็นคุณสมบัติของดวงอาทิตย์ดังกล่าวแล้ว
เพราะท่านรู้ดีว่าแช่งด่าว่าไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
ดวงอาทิตย์ก็จะเงียบแล้วแผ่ความร้อนออกมาดังเดิม
เพราะเป็นคุณสมบัติของดวงอาทิตย์ดังกล่าวแล้ว
ท่านไม่กล่าวร้ายให้โทษดวงอาทิตย์
เพราะท่านรู้ดีว่าดวงอาทิตย์มีประโยชน์ต่อทุกชีวิต
ทั้งความร้อนแรงก็มีประโยชน์
ทั้งแสงสว่างของดวงอาทิตย์ก็มีประโยชน์
ด้านที่เป็นประโยชน์มีมากกว่าด้านที่เป็นโทษ
ด้านที่ท่านชอบมีมากกว่าด้านที่ท่านไม่ชอบ
เพราะท่านรู้ดีว่าดวงอาทิตย์มีประโยชน์ต่อทุกชีวิต
ทั้งความร้อนแรงก็มีประโยชน์
ทั้งแสงสว่างของดวงอาทิตย์ก็มีประโยชน์
ด้านที่เป็นประโยชน์มีมากกว่าด้านที่เป็นโทษ
ด้านที่ท่านชอบมีมากกว่าด้านที่ท่านไม่ชอบ
3.ดังนั้น....
จากแนวคิดทั้งหมดทั้งสามข้อที่กล่าวมา
มันคงจะทำให้ได้เกิดดวงตาเห็นธรรมว่า
คนที่เขาทำไม่ดีต่อท่าน
คนที่ท่านไม่พอใจ
คนที่ท่านเห็นว่าไม่น่ารักนั้น
จากแนวคิดทั้งหมดทั้งสามข้อที่กล่าวมา
มันคงจะทำให้ได้เกิดดวงตาเห็นธรรมว่า
คนที่เขาทำไม่ดีต่อท่าน
คนที่ท่านไม่พอใจ
คนที่ท่านเห็นว่าไม่น่ารักนั้น
พวกเขาก็มิต่างกันกับ
ความร้อนแรงของแสงแดดเลย
ความร้อนแรงของแสงแดดเลย
คนที่เขาไม่ดี
เขาจะแสดงพฤติกรรมดีๆกับท่าน
ในกรณีนั้นๆได้อย่างไร
เพราะมันเป็นคุณสมบัติของเขา
เขาจะแสดงพฤติกรรมดีๆกับท่าน
ในกรณีนั้นๆได้อย่างไร
เพราะมันเป็นคุณสมบัติของเขา
ถ้าท่านยอมรับความไม่ดีของเขาเสียได้
การชวนคนไม่ดีนั้นทะเลาะมันก็จะไม่เกิดขึ้น
เพราะถึงทะเลาะกันด่าว่ากันสาปแช่งกัน
ท่านก็ไม่มีวันเปลี่ยนนิสัยแก้ไขสันดานไม่ดี
ของคนชั่วคนนั้นได้...ใช่หรือไม่ล่ะ?
การชวนคนไม่ดีนั้นทะเลาะมันก็จะไม่เกิดขึ้น
เพราะถึงทะเลาะกันด่าว่ากันสาปแช่งกัน
ท่านก็ไม่มีวันเปลี่ยนนิสัยแก้ไขสันดานไม่ดี
ของคนชั่วคนนั้นได้...ใช่หรือไม่ล่ะ?
ความชั่วของคนๆนั้น
มันยังมีประโยชน์ต่อท่านอีกด้วยนะ
เพราะทำให้ท่านได้เรียนรู้ว่า
ความชั่วในแนวๆนั้นมันเป็นอย่างไร
มันยังมีประโยชน์ต่อท่านอีกด้วยนะ
เพราะทำให้ท่านได้เรียนรู้ว่า
ความชั่วในแนวๆนั้นมันเป็นอย่างไร
มิหนำซ้ำท่านยังตรวจสอบตัวเองได้ด้วยว่า
ท่านชั่วเหมือนคนๆนั้นด้วยมั้ย?
ท่านมีนิสัยสันดานเหมือนเขาคนนั้นบ้างหรือเปล่า
ท่านชั่วเหมือนคนๆนั้นด้วยมั้ย?
ท่านมีนิสัยสันดานเหมือนเขาคนนั้นบ้างหรือเปล่า
นี่แสดงว่า...ความชั่วของเขา
มันช่วยให้ท่านสามารถประเมินตนเองได้
ถ้าพบว่าตัวเองชั่วแบบเขา
ท่านก็จะได้แก้ไขตนเองเสียทันที
จะได้เป็นคนที่ดีกว่า...ตามต้องการ
มันช่วยให้ท่านสามารถประเมินตนเองได้
ถ้าพบว่าตัวเองชั่วแบบเขา
ท่านก็จะได้แก้ไขตนเองเสียทันที
จะได้เป็นคนที่ดีกว่า...ตามต้องการ
แสดงว่าความชั่วของเขาก็มีประโยชน์ต่อท่าน
มากกว่าจะมีโทษ
เช่นเดียวกับความร้อนของแดด
มีคุณมากกว่าโทษนั่นล่ะนะ
มากกว่าจะมีโทษ
เช่นเดียวกับความร้อนของแดด
มีคุณมากกว่าโทษนั่นล่ะนะ
ใช่หรือไม่ล่ะท่านทั้งหลาย...
วิธีดับโกรธ...ลดอารมณ์ขยะ
สร้างสภาวะจิตให้สมดุลภายในสามนาที
มันต้องมีมหาสตินำหน้า
แล้วใช้ปัญญาตามหลัง
ทำบ่อยๆนานวันเข้า.....
จิตฝ่ายต่ำมันจะสลายตัวหายไปเอง
นิพพานโกรธได้ล่ะท่าน...
สร้างสภาวะจิตให้สมดุลภายในสามนาที
มันต้องมีมหาสตินำหน้า
แล้วใช้ปัญญาตามหลัง
ทำบ่อยๆนานวันเข้า.....
จิตฝ่ายต่ำมันจะสลายตัวหายไปเอง
นิพพานโกรธได้ล่ะท่าน...
เอเมน...สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
19-03-2015
19-03-2015