(((+)))นักเรียนห้องเรียน ป.วิสุทธิปัญญา ทุกคน
1.คำว่า "เดินถ่างขา" หมายถึง การดำเนินชีวิตแบบคนเดียวแสดงสองบทบาท คือ ยึดถือทั้งแบบนักรบแห่งแสงสว่าง เอาเยี่ยงอย่างพระหรือนักบวชหรือผู้ครองศีล ขณะที่ตนเองนั้นยังเลือกที่จะครองเรือนเสมือนพร้อมที่จะถือบทบาทของ "นักสู้เพื่อการรู้แจ้ง" ไปด้วย
2.เธอทุกคนจักต้องรู้ว่า ถ้าเธอไปเลือกรับเอาวิถีปฏิบัติของ "นักรบแห่งแสงสว่าง" ผู้ละสิ้นซึ่งอาสวกิเลสแล้วอย่างที่เธอเพียรฝืนทำกันอยู่นั้น เธอก็จะประสบชะตากรรมเหมือนทุกภพชาติที่ผ่านมา คือ "บวชมานมนานแต่นิพพานไม่ได้"
3.เพราะวิถีปฏิบัติบนเส้นทางสายนิพพานของบรรดา "นักรบแห่งแสงสว่างนั้น" เขาเน้นการสร้างพลังอำนาจในตัวเอง โดยปฏิบัติกับจิตและปัญญาของตัวเอง ที่เรียกว่า "กรรมฐาน" คือ ทำอยู่ในที่ตั้งคนเดียว ลูกเมียไม่เกี่ยวหรือถือครองสันโดดเพื่อสร้างสมถะนั่นเอง
4.พวกเขาเน้นข้อพระธรรมในพระไตรปิฎกอันเสมือนเป็นตัวแทนแห่งพระโอวาทคำสอนของพระบรมมหาศาสดา เน้นครองพระธรรมวินัยที่พระศาสดาทรงบัญญัติไว้ทั้ง 227 ข้อ กับพระธรรม 84,000 พระธรรมขันธ์ โดยมุ่งปฏิบัติตามนั้นอย่างเคร่งครัด ขณะที่เขาทั้งหลายจักต้อง "จำวัดปฏิบัติกรรมฐานสมาธิ และจำศีล" โดยเคร่งครัด มิเช่นนั้นจะยกระดับจิตปัญญาสู่สภาวะการรู้แจ้งไม่ได้ ที่สำคัญคือ ปิดกั้นตนเองให้ไกลจากอาสวกิเลสอันเป็นสิ่งยั่วยุทั้งปวง รวมทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ลาภสมบัติ แม้ลูกเมียและอื่นๆ
5.เพราะถ้าใกล้สิ่งยั่วยุเหล่านี้ โอกาสที่จิตจะตกจนก่อกรรมใหม่ๆขึ้นมาได้ ในขณะที่กรรมเก่าก็ยังแก้ไขไม่สำเร็จอยู่อีกต่างหากด้วย การครองสันโดด(อยู่กับตัวเองคนเดียว) ก็เพื่อเหตุผลตรงนี้ด้วย
6.ถ้าเธอรักจะเจริญรอยตาม ก้าวตามพวกเขาไปในเส้นทางนี้ จณะที่เธอยังไม่ได้ละวางทางโลก เธอเห็นรึไม่ว่าเธอสามารถรับเอาศีลมาได้แค่ 5 ข้อ ไม่ก็ 8 ข้อเท่านั้น ทั้งๆที่แท้แล้วมีตั้ง 227 ข้อมิใช่หรือ เพราะเหตุใดจึงรับมาเท่านั้นล่ะ ก็เพราะมันไม่เป็นธรรมชาติในบทบาทผู้ครองเรือนอย่างเธอใช่มั้ยล่ะ?