"ดับกำหนัด ขจัดขยะจิต"
อดีตชาติ วาดมัน ไว้ฉันใด
ภพชาติใหม่ จักผจญ ผลกรรมนั้น
สิ่งโหยหา จงดับ ในฉับพลัน
มิฉะนั้น มันจะขวาง หวงนิพพาน
เช่นตัณหา ราคะ ขยะจิต
ที่ตามติด เพราะอดีต ไม่คิดผ่าน
มิรู้อิ่ม ความกำหนัด ควรจัดการ
จงกล้าหาญ ร่วมกันดับ กับคู่กรรม
อีกทางหนึ่ง หากจะดับ ความกำหนัด
เจ้าจงจัด สิ่งเร้า ดั่งเข้าถ้ำ
ละมายา ยั่วกำหนัด ปฏิบัติธรรม
เพื่อน้อมนำ "อุเบกขา" มาสู่ตน
หยุดโหยหา ความรัก จากใครอื่น
แล้วแซ่มชื่น ในรัก เพื่อมรรคผล
จะรักใคร ไหนเล่า เท่ารักตน
หวังหลุดพ้น จิตต้องว่างห่างกามา
กามารมณ์เป็นเรื่องของความพึง
พอใจในเพศรส โดยมี "ความใคร่"
เป็นเครื่องมือ....เหตุนี้เอง...
ความใคร่ จึงเป็นตัวช่วยขับเคลื่อน
พฤติกรรมการเสพสมของมนุษย์
แต่ทว่า....
อันความใคร่ที่เกิดขึ้นภายในจิตนั้น
เป็นอาการที่ถูกกระตุ้นด้วย
สัญชาตญาณของจิตเองอีกทอด
หนึ่ง ซึ่งเรียกว่า "ความกำหนัด"
ดังนั้น...ถ้าต้องการ "ดับ" ความ
ใคร่ในกามแม้เรื่องเซ็กส์ จึงต้องดับ
กันที่ความกำหนัด ด้วยการอย่า
ยอมแพ้มันผลุดโผล่ขึ้นมาได้ อีกจน
ชั่วชีวิตนี้.....เพียงเท่านี้ก็ดียิ่งแล้ว