16 กันยายน 2563

ศาสตร์แห่งอริยะ 16/09/2020

 

สนทนาประสาจิตจักรวาล

"ศาสตร์แห่งอริยะ"
*****************
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

สาเหตุสำคัญประการหนึ่ง

ที่ทำให้พี่ๆน้องๆของท่านจำนวนไม่น้อย
พยายามที่จะดับการเวียนว่ายตายเกิดกันให้ได้
หรือต้องการหยุดการมีสังสารวัฏในระบบโลกเสรีนี้
ก็เพราะพวกเขามองว่า "การเกิด" เป็นมนุษย์นั้น
มันเป็นความทุกข์สุดที่จะประมาณ
เป็นมนุษย์ความสุขที่แท้จริงก็ไม่มี
เดี๋ยวทุกข์เดี๋ยวสุขเวียนวนปนกันไปจนกว่าจะตาย
สู้หนีออกไปจากวงเวียนชีวิตเสียจะดีกว่า

สาเหตุที่คิดกันเช่นนี้ก็เพราะพวกเขาไม่รู้ว่า
จิตวิญญาณแก่นแท้ของพวกเขานั้น
ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรีนี้ทำไม
พวกเขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร
ไม่รู้ว่าจิตวิญญาณของตนมาจากไหน
ไม่รู้ว่าจิตวิญญาณของตนมาเกิดบนโลกนี้ทำไม
ไม่รู้ว่าจิตวิญญาณของตนมาเกิดได้อย่างไร

ความจริงที่พวกเขาไม่รู้เหล่านี้
คือ อนุตรธรรม ความจริงขั้นสูงสุด
ที่มนุษย์เรียนรู้ด้วยตนเองหรือรู้เองไม่ได้
นอกจากจะรับพระโอวาทจาก องค์จิตจักรวาล
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของมนุษย์
ที่ทรงเมตตาสื่อผ่าน "พระบุตรเอก" ลงมาเท่านั้น

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ความจริงขั้นสูงสุดระดับอนุตรธรรม
ที่ท่านทั้งหลายจะต้องรู้แต่ไม่รู้
จนทำให้การดำเนินชีวิตผิดพลาดมหันต์ก็คือ
ไม่รู้ว่า จิตวิญญาณ แก่นแท้ของท่าน
เป็นเสมือน "ยานพาหนะ" ผู้มาจากนอกเอกภพ
ที่แบกขน "พลังงานความรัก" จากพระผู้เป็นเจ้า
ข้ามมิติเข้ามาในอนันตจักรวาล
เพื่อเข้ามาทำการ "ผลิตสร้าง" พลังงานความรัก
ในรูปของพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
มอบให้แก่ดาวเคราะห์โลกและทุกสรรพสิ่ง

โดยโลกต้องการนำพลังงานความรัก
ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านแบกขนกันมา
เพื่อจุดระเบิดแกนแม่เหล็กโลกให้เกิดการบิดตัว
เพื่อช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนอย่างต่อเนื่องให้ได้
และพลังงานความรักจากจิตวิญญาณนี้
ยังเป็นสิ่งที่ทุกรูปธรรมในจักรวาล
ล้วนต้องการใช้เป็นพลังงานชีวิต
เพื่้อการดำรงอยู่อย่างสมดุลร่วมกันอีกด้วย

แต่จิตวิญญาณแก่นแท้ของมนุษย์
จะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจที่ว่านี้ได้เลย
ถ้าหาก "จิตหยาบ" คือ ตัวท่านทั้งหลายนี้
ไม่ให้ความร่วมมือช่วยเหลือใดๆ
หรือทำตนเป็นอุปสรรคของจิตวิญญาณเสียเอง
เพราะไม่รู้ไม่เข้าใจความจริงในอนุตรธรรมที่ว่านี้

สาเหตุที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ
เพราะพวกท่าน "ยึดติด" พระศาสดาองค์เดียว
รวมทั้งยึดติดพระคัมภีร์เล่มเดียว
แล้วปฏิเสธศาสดาพระองค์อื่นๆคัมภีร์เล่มอื่นๆ

ที่สำคัญคือพวกท่านปฏิเสธ พระบุตรเอก
ที่พระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระผู้เป็นเจ้า
ทรงมีพระบัญชาให้กลับมาจุติเป็นมนุษย์
เพื่อฉุดช่วยจิตวิญญาณพวกท่านให้หลุดพ้น
โดยมาบอกให้รู้ความจริงที่ไม่มีใครรู้เองได้นี้
ก่อนที่จะทรงนำโลกเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่
เพราะความไม่รู้จึงยังผลให้พวกท่านจำนวนมาก
พากันหลงทุกข์หลงธรรมจนหลงทางนิพพาน
เพราะทั้งเกลียดทั้งกลัวความทุกข์จนขึ้นสมอง

โดยพวกท่านมากมายพากันหลงผิดคิดว่า
"ความทุกข์" ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิตจิตใจท่าน
เป็นสิ่งอันไม่พึงประสงค์ เป็นสิ่งที่จัดการมันไม่ได้
เป็นสิ่งที่ควบคุมมันไม่ได้ เป็นสิ่งที่เอาชนะไม่ได้
พวกท่านมากมายจึงเกลียดกลัวความทุกข์
แล้วพยายามจะหนีทุกข์ออกไปจากระบบโลก
จนหลงทางหลุดลอยไปค้างอยู่บนสวรรค์มายา
พาให้จิตวิญญาณยิ่งทุกข์หนักมากกว่าเดิม

เหมือน "ลิง" ที่เกิดทุกข์เพราะเกลียดกลัว "กะปิ"
ซึ่งพยายามจะเช็ดถูกะปิออกจากเนื้อตัวของตน
เพราะทนเหม็นกลิ่นกะปิที่ติดตัวอยู่ไม่ได้
จึงถูจนเกิดเป็นแผลถลอกปอกเปิกเลือดไหลซิบ
พาให้เจ็บตัวจนเป็นทุกข์ยิ่งกว่าเหม็นกะปิเสียอีก

การที่พี่ๆน้องๆแห่งเราส่วนมาก
เกิดอาการคล้ายลิงเกลียดกลัวกะปิเช่นว่านี้
เพราะว่าพวกท่านตกเป็น "ทาส" ของจิต
จึง "หยิบปัญญา" ของสมองออกมาใช้ไม่ได้
จนมองไม่เห็นที่มาแห่งทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่
จึงไม่รู้ว่าที่ตนกำลังทุกข์นั้นเหตุเกิดจากอะไร
หรืออะไรที่เป็นสาเหตุแห่งทุกข์นั้น

เมื่อไม่รู้ไม่เห็นไม่มองว่า
ความทุกข์ที่ตนกำลังเผชิญอยู่ในจิตใจนั้น
มันมีที่มาที่ไปอย่างไร
จึงไม่ต่างจากการตกอยู่ในหุบเหวอันมืดมิด
จะแลมองไปทางไหนก็ไม่เห็นอะไร
จะนำพาตนเองออกไปจากความมืดนั้นก็ไม่ได้
ซึ่งหมายถึงขาดแสงสว่างทางปัญญานะเอง

เพราะท่านไม่รู้ความจริงว่า
ในการเกิดมาเป็นมนุษย์ของจิตวิญญาณนั้น
แก่นแท้ของท่านจักต้องนำเอาชะตาชีวิต
ซึ่งเป็นบทละครมาแสดงร่วมกันกับคนอื่นๆด้วย
โดยมอบให้ "จิตหยาบ" เป็นผู้แสดงแทน

บทละครที่แสดงร่วมกันเมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์
มันจะมีทั้งบทดีและบทร้าย
จะมีทั้งแสดงต่อกันแล้วชอบใจไม่ชอบใจ
คละเคล้ากันไปตลอดทั้งวันในทุกๆวัน
หน้าที่ของจิตหยาบของท่านก็คือ
จักต้องรักกันให้ได้ อภัยกันให้เป็นเสมอ
ไม่ว่าคนรอบข้างเขาจะทำตัวดีไม่ดี น่ารักไม่น่ารัก
ท่านก็ต้อง "รัก" พวกเขาให้ได้
ถ้าท่านรักคนไม่น่ารักได้ ให้อภัยหรืออโหสิได้
จิตหยาบของท่านจะเปิดมิติให้จิตวิญญาณ
สามารถออกมาขับเคลื่อนจิตสามนึกร่วมกันได้

ดังนั้น
เมื่อท่านพบเจอคนรอบข้าง
ทำตัวไม่น่ารักไม่น่าคบหาสมาคมด้วย
จนท่าน "ยอมรับ" ไม่ได้ท่านจึงเกิด "ทุกข์"

แต่แทนที่ท่านจะใช้ ความรักและปัญญา
จัดการกับ "ปัญหา" หรือสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์นั้น
ท่านกลับ "ติดทุกข์" วันๆจมปลักอยู่กับความทุกข์
จนเข้าถึงความรักของจิตกับปัญญาของสมอง
เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาที่เป็นสาเหตุแห่งทุกข์ไม่ได้
ตัวท่านจึงทำให้แผนการมาเกิดเป็นมนุษย์
ของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของท่านล้มเหลว

เท่านั้นยังไม่พอ
จิตหยาบของท่านที่เกลียดกลัวความทุกข์
คล้ายดั่งลิงที่เกลียดกลัวกะปิ
ยังพาจิตวิญญาณของท่านละทิ้งหน้าที่มนุษย์
ตามที่ให้สัจจะต่อพระบิดาแห่งจิตวิญญาณไว้
โดยพากันหนีไปเกิดใหม่บนสวรรค์มายาแทน
แล้วก็ไปติดค้างกันอยู่บนนั้น

หน้าที่ใช้ความรักเปิดประตูมิติจิตวิญญาณ
เพื่อการผลิตสร้างพลังงานความรักจากแก่นแท้
ที่โลกและจักรวาลอันไพศาลนี้ต้องการ
จึงถูกจิตหยาบของพวกท่าน "ละทิ้ง"
เพราะการเป็นเทพเทวดาไม่มีกายสังขารมนุษย์
มีแต่จิตวิญญาณอันเปล่าเปลือย
จะไม่สามารถผลิตสร้างพลังงานความรัก
ที่แบกขนมาจากจิตจักรวาลมอบให้โลกได้

นอกจากนั้น
จิตวิญญาณที่หลงทางไปหลงภพภูมิมายา
ก็ไม่ต่างจากพวกแกะที่หลงฝูงนั่นแหละ

แกะหลงฝูงบางตัว
แม้จะได้ยินเสียงเรียกหาของคนเลี้ยงแกะ
ผู้เมตตาที่กำลังตะโกนร้องก้องจนสุดกู่
เพื่อให้แกะหลงทางรู้ว่าประตูคอกอยู่ทางไหน
กลับทำหูทวนลมแถมยังจะปีนรั้วเข้าคอกอีกด้วย

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

1.เพราะความงมงายอยู่กับอวิชชา
2.ความมีอุปาทานเพราะหลงผิด
3.ความสิ้นคิดเพราะขาดปัญญาของสมอง

4.ความบกพร่องในการใช้หลัก กาลามสูตร
เพื่อเรียนรู้ให้รอบรู้ในสิ่งที่เป็นกุศลหรืออกุศล
เพื่อเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ

5.ความเป็นลูกกำพร้าทางจิตวิญญาณ
เพราะปฏิเสธพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของตน
เพราะปฏิเสธพระบุตรเอก
ผู้กลับมากล่าวพระโอวาทแทนพระองค์

"ควาย 5 ตัว" ที่เรากล่าวนี้แหละ
จะเป็นอุปสรรคสำคัญที่จิตหยาบคือตัวท่าน
สร้างปัญหาให้จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านเอง
ออกมาปฏิบัติภารกิจขององค์จิตจักรวาล
ในการแบกขน "พลังงานความรัก" มามอบให้โลก
เพื่อสร้างสมดุลโลกตามต้องการไม่ได้
แถมยังจะพาหลงทางกลับบ้านแดนสุญตา
จนมิอาจ "หลุดพ้น" ออกไปจากอนันตจักรวาลได้
เพราะหลงเข้าใจว่า "สวรรค์มายา" เป็นแดนนิพพาน

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
16/09/2020